ทาทาเข้าพบ ผู้แทนการค้าไทยร่วมถกโอกาสขยายการค้าการลงทุนไทย-อินเดีย แย้มสนใจลงทุนด้านพลังงาน อุตฯ ชิ้นส่วนยานยนต์และอะไหล่ยานยนต์
สำนักงานผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยทาทาเข้าพบ ผู้แทนการค้าไทยร่วมถกโอกาสขยายการค้าการลงทุนไทย-อินเดีย แย้มสนใจลงทุนด้านพลังงาน อุตฯ ชิ้นส่วนยานยนต์และอะไหล่ยานยนต์
บริษัททาทาอินเตอร์-เนชั่นแนล ของอินเดียเข้าพบ ดร.นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย หารือเกี่ยวกับโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับอินเดียผู้แทนการค้าไทย
ดร. นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) ลุยงานต่อเนื่องโดยเปิดโอกาสให้บริษัททาทาอินเตอร์-เนชั่นแนล ยักษ์ใหญ่ของอินเดียเข้าพบหารือเกี่ยวกับโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับอินเดียทั้งในด้านไฟฟ้าพลังงานน้ำ ก๊าซ และพลังงานทดแทน รวมทั้ง ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์
ดร. นลินี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2554 หัวหน้าส่วนต่างประเทศภูมิภาคเอเชียใต้ของบริษัท บริษัททาทา อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของอินเดียได้เข้าพบหารือกับตนในฐานะทีทีอาร์เกี่ยวกับโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับอินเดีย โดยสนใจเร่งลงทุนกับไทยด้านไฟฟ้าพลังงานน้ำ ก๊าซ พลังงานทดแทน และเหมืองแร่ รวมทั้งสนใจร่วมลงทุนในในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์
ซึ่งทาทามีประสบการณ์ด้านการลงทุนมาแล้วในหลายประเทศในภูมิภาคแอฟริกา อาทิ แอฟริกาใต้ เคนยา แซมเบีย โมซัมบิก มาลาวี แทนซาเนีย ไนจีเรีย เซเนกัล ซิมบับเว ซูดาน และยูกันดา นอกจากนี้ ทาทายังแสดงความสนใจร่วมลงทุนด้านเกษตรกับไทย โดยเห็นว่าไทยมีศักยภาพด้านการจัดการเกษตร คาดว่าโครงการลงทุนในไทยดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่ายในระยะยาว
ดร. นลินีได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทาทาสนใจจะนำเข้าสินค้าเหล็ก และเศษเหล็ก ส่วนประกอบยานยนต์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพส่งออก โดยเฉพาะเศษเหล็ก ซึ่งอินเดียเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย โดยไทยส่งออกไปมากถึงร้อยละ 25 ของการส่งออกสินค้าดังกล่าวของไทยไปตลาดโลก และในขณะเดียวกันทาทาได้นำเสนอให้ไทยพิจารณานำเข้าตู้รถไฟซึ่งเป็นสินค้าที่อินเดียมีศักยภาพ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อโครงการรถไฟความเร็วสูงของไทยในอนาคต
นอกจากนี้ ดร. นลินีเผยว่า การร่วมลงทุนกับอินเดีย และการขยายการส่งออกสินค้าที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพจะเป็นประโยชน์และเป็นโอกาสทางการค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการไทยอย่างมาก โดยอินเดียเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยในตลาดเอเชียใต้ และเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดตลาดหนึ่งของไทย
โดยการค้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวเป็นผลจากการที่ไทยมีมาตรการส่งเสริมการส่งออกไปยังตลาดอินเดีย โดยในปี 2553 การค้าไทย-อินเดียมีการขยายตัวทั้งในด้านการส่งออกและนำเข้า การค้ารวมมีมูลค่าประมาณ 6.65 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 34.2
อย่างไรก็ดี ด้านการลงทุนระหว่างไทยกับอินเดียยังมีมูลค่าไม่มากนัก โดยเป็นการลงทุนในโครงการขนาดกลางและขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น รวมทั้งลงทุนในหลากหลายสาขามากขึ้น เช่น เคมีภัณฑ์ กระดาษ พลาสติก ยานยนต์ โลหะพื้นฐาน (เหล็ก อะลูมิเนียม) อิเล็กทรอนิกส์และผลิตภัณฑ์ เหมืองแร่ และเซรามิกส์ เป็นต้น
ทั้งนี้เมื่อเทียบกับศักยภาพของทั้งสองที่ยังมีอยู่มาก จึงควรกระตุ้นให้นักลงทุนทั้งสองฝ่ายลงทุนให้มากขึ้น ซึ่งในฐานะทีทีอาร์ตนมีแผนจะนำคณะนักลงทุนไทยไปหารือกับผู้บริหารระดับสูงของอินเดียเพื่อหาลู่ทางการค้าและการลงทุน และใช้ประโยชน์จากศักยภาพของทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มที่ต่อไป