เนื้อหาวันที่ : 2011-09-08 11:32:04 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2280 views

ไม่กลัวมะเร็ง

อายหมอบ่หาย อายครูบ่รู้วิชา อายภรรยาบ่มีบุตร กลัวมะเร็งอย่าปล่อยจนทรุด รักษาให้ถูกจุด หยุดโรคร้ายกลายเป็นดี

          สาเหตุของการตายอันดับหนึ่งในบ้านเราคือโรคมะเร็ง รองลงมาคือ อุบัติเหตุ กับโรคหัวใจ ซึ่งคู่คี่ชิงอันดับที่สองและที่สามกันอยู่ ทั้งสามอย่างนี้ดูเหมือนคนจะกลัวมะเร็งมากที่สุด ทั้งนี้เพราะกิติศัพท์ในเรื่องความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานที่ผู้ป่วยมะเร็งต้องเผชิญอยู่เป็นเวลานาน

          ก่อนที่จะเสียชีวิตไปอย่างทุรนทุราย ในสภาพที่ร่างกายโทรมซูบซีดผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกว่า มะเร็ง ก็คือคำพิพากษาให้ตายอย่างทรมานนั่นเอง

          สิ่งที่ตามเป็นผลมาจากความกลัวนั้นมีมากมายหลากหลายเหลือเกิน และแน่นอนว่าความกลัวมักจะสร้างสิ่งที่เป็นแง่ลบมามากกว่าแง่บวก

          เริ่มตั้งแต่ กลัวว่าจะเป็นมะเร็ง จึงไม่กล้าไปตรวจ กว่าจะไปถึงมือหมอก็เป็นมากเกินกว่าจะรักษาได้แล้ว ที่สำคัญกว่านั้นคือ มะเร็งหลายชนิดปัจจุบันนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ถ้าเป็นในระยะแรกๆ การลังเลรีรอมีแต่จะทำให้พลาดโอกาสที่จะหายขาดได้ กรณีนี้มีภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่าอายหมอบ่หาย อายครูบ่รู้วิชา อายภรรยาบ่มีบุตร

          สำหรับความกลัวที่ว่า การผ่าตัดจะทำให้มะเร็งแพร่กระจายนั้น ความจริงก็คือว่า ถ้าขณะที่มาถึงมือหมอนั้นตัวมะเร็งเองยังไม่ได้แพร่กระจายไปที่ไหน การผ่าตัดจะเป็นวิธีการรักษาหลักที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้หายขาดได้ โดยแพทย์จะตัดตรงเนื้อเยื่อที่หุ้มรอบนอกของก้อนมะเร็ง เลาะให้ห่างจากก้อนมะเร็งให้มกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยกเอาก้อนมะเร็งออกทั้งก้อน โดยไม่ตัดผ่านเข้าไปในก้อนมะเร็งเลย ส่วนในกรณีที่มะเร็งลุกลามแพร่กระจายอยู่แล้วตั่งแต่ก่อนมาพบแพทย์นั้น การผ่าตัดย่อมไม่ได้ทำให้โรคเลวร้ายลง ตรงกันข้ามกลับทำให้การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่นเคมีบำบัดหรือรังสีรักษาได้ผลดีขึ้น มะเร็งก้อนเล็กย่อมจะรักษาให้ยุบหายง่ายกว่ามะเร็งก้อนใหญ่ๆ

          ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งของการตัดเอาชิ้นเนื้อออกมาตรวจก็คือ จะได้รู้แน่ว่าเป็น เนื้องอกธรรมดา หรือว่าเป็น เนื้องอกที่เป็นมะเร็ง พวกเนื้องอกธรรมดานี้แพร่กระจายไม่เป็น เพียงแค่ตัดออกก็เป็นอันว่าหมดเรื่อง ส่วนมะเร็งนั้นมีมากมายร้อยชนิด แต่ละชนิดนั้นก็มีธรรมชาติของโรคที่แตกต่างกันไป การรักษาจึงขึ้นอยู่กับว่าเป็นมะเร็งชนิดใด ซึ่งจะรู้ได้ก็โดยการเอาออกมาตรวจนั่นเอง

          ความเชื่อที่ผิดๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือ ฉายแสงแล้วตายทุกราย ความจริงแล้วการฉายแสงสามารถรักษามะเร็งหลายชนิดให้หายขาดได้ถ้าเป็นมะเร็งในระยะแรกๆ แม้ในกรณีที่เป็นมะเร็งที่แพร่กระจายแล้ว

          การฉายแสงจะช่วยลดอาการได้เป็นอย่างดี เช่นลดการอัมพาตจากมะเร็งที่กระจายไปที่สมอง หรือช่วยลดความทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดของมะเร็งที่กระจายไปที่กระดูกได้ผลดีมาก เป็นต้น

          การรักษามะเร็งที่ก้าวหน้าไปมากอีกอย่างหนึ่งก็คือ การรักษาด้วยยาที่เรียกว่า ยาเคมีบำบัด ซึ่งในปัจจุบันนี้อาจจะรักษามะเร็งบางชนิดให้หายขาดได้แม้มะเร็งนั้นจะแพร่กระจายไปหลายแห่งในร่างกายจนผู้ป่วยมีอาการมากแล้วก็ตาม และถึงแม้ว่าในผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายส่วนใหญ่จะไม่หายขาดจากโรค แต่ก็อาจมีชีวิตยืนยาวขึ้น หรือลดอาการของโรคลงได้มาก ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ความรู้ความก้าวน้าใหม่ๆ ทำให้ผลการรักษาดีขึ้นกว่าเมื่อ 20 ปีก่อนอย่างคิดไม่ถึง ผลข้างเคียงของการรักษาก็ได้ลดลงอย่างมาก ปัจจุบันนี้มียาเคมีบำบัดชนิดกิน ไม่ต้องฉีด มียาเคมีบำบัดที่ผมไม่ร่วง ไม่คลื่นไส้อาเจียน มีผลข้างเคียงต่อเม็ดเลือดขาวน้อย ให้เลือกใช้ได้มากขึ้น

          ยารักษามะเร็ง ไม่ได้มีเพียงแค่ยาเคมีบำบัดเท่านั้น ยาต้านฮอร์โมน และยากลุ่มฮอร์โมน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยากิน ก็ใช้ได้ผลดีมากในมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม, มะเร็งมดลูก, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งธัยรอยด์ เป็นต้น

          ยากลุ่มใหม่ที่สุดในปัจจุบันนี้ เป็นยากลุ่มที่ไม่ใช้ยาเคมีบำบัด รักษามะเร็งโดยออกฤทธิ์มุ่งเป้าเฉพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง มีผลข้างเคียงต่อเซลล์ปกติน้อย มีทั้งเป็นยากินและยาฉีด มีทั้งที่ใช้เดี่ยวๆ และที่ใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดเพื่อเสริมฤทธิ์การรักษาให้เพิ่มขึ้น โดยผลข้างเคียงไม่ได้เป็นปัญหาเพิ่มขึ้น

          โดยทั่วไปแล้วการรักษามะเร็งมักจะต้องใช้หลายๆ วิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด การหลีกเลี่ยง ไม่ยอมใช้วิธีการรักษาอันใดอันหนึ่ง ด้วยความกลัวที่อยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจผิดๆ ย่อมทำให้สูญเสียโอกาสที่ผู้ป่วยจะได้รับจากความรู้ความก้าวหน้าในปัจจุบันไป กลับไปตกอยู่ในวังวนของความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของความรู้น้อยในยุคเก่าๆ ทั้งตัวผู้ป่วยและญาติมิตร มีอยู่บ่อยครั้งที่ผู้ห้อมล้อมใกล้ชิดทำตัวเป็นผู้กำหนดความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยด้วยอวิชชาที่อิงอยู่บนความหวังดีแต่เพียงประการเดียว ด้วยข้ออ้างคือกลัวว่าจะทำให้ผู้ป่วยแย่ลง

          ดังนั้นถ้าเราไม่อยากให้เป็นมะเร็งจนต้องสูญเสียทั้งทรัพย์สินหรือชีวิต เราควรมีการป้องกัน การค้นหา ด้วยวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็ง ซึ่งหมายถึง การตรวจสุขภาพเพื่อหามะเร็งก่อนที่จะแสดงอาการผิดปกติใดๆ ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นการป้องกันแบบหนึ่ง เริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย จากนั้นจึงใช้วิธีตรวจทางห้องปฎิบัติการที่มีความแม่นยำสูงและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการวินิจฉัยโรค เพียงเท่านี้เราก็มีโอกาสห่างไกลจากโรคมะเร็งได้

          อายหมอบ่หาย อายครูบ่รู้วิชา อายภรรยาบ่มีบุตร
          กลัวมะเร็งอย่าปล่อยจนทรุด รักษาให้ถูกจุด หยุดโรคร้ายกลายเป็นดี

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
นพ. สุรชาติ จักรภีร์ศิริสุข
อายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา โรงพยาบาลวัฒโนสถ