ไทย เอ็น ดี ที ชี้ธุรกิจตรวจสอบด้านวิศวกรรมความปลอดภัยโดยไม่ทำลาย แนวโน้มโตต่อเนื่อง เผยเตรียมลุยอาเซียนเต็มตัว
ไทย เอ็น ดี ที ชี้ธุรกิจตรวจสอบด้านวิศวกรรมความปลอดภัยโดยไม่ทำลาย แนวโน้มโตต่อเนื่อง เผยเตรียมลุยอาเซียนเต็มตัว
“ชมเดือน ศตวุฒิ” เผยธุรกิจตรวจสอบด้านวิศวกรรมความปลอดภัยโดยไม่ทำลายยังไปได้สวย มั่นใจผลงานครึ่งปีหลัง TNDT โตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก หลังภาพรวมเศรษฐกิจไทยขยายตัว พร้อมเดินหน้าบุกรับงานต่างแดนในกลุ่มอาเซียนต่อเนื่อง หวังขยับสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 5% ล่าสุดตั้งบริษัทร่วมทุนลุยธุรกิจ NDT ในลาวเต็มตัว พร้อมรับใบอนุญาตส่งเสริมการลงทุนจาก สปป.ลาวนานถึง 15 ปี
นางสาวชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) หรือ TNDT เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลังว่า ยังขยายตัวได้ดี โดยคาดว่าผลประกอบการมีโอกาสเติบโตในทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น
ประกอบกับธุรกิจตรวจสอบด้านวิศวกรรมความปลอดภัยโดยไม่ทำลายขณะนี้อยู่ทิศทางที่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯจะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจไปพร้อมๆ กันทั้งตลาดในประเทศและตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียน เนื่องจากพบว่าตลาดยังมีช่องว่างที่บริษัทฯ สามารถขยายฐานเข้าไปได้ โดยอาศัยผลงานและประสบการณ์ที่ได้รับการยอมรับจากตลาดมาเป็นเวลานาน
สำหรับตลาดในประเทศ จะเดินหน้ารับงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ๆ ในขณะที่การขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศจะเป็นลักษณะการเข้าไปจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศเป้าหมาย โดยขณะนี้ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เรียบร้อยแล้ว ภายใต้ชื่อ บริษัท แอลทีเอ็นดีที จำกัด ทุนจดทะเบียน 100,000 ดอลลาร์
โดยบริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) ลงทุนในอัตราส่วนร้อยละ 70 และบริษัท พัฒนาอุตสาหกรรม ไฟฟ้า บริการ และการค้าขาออก-ขาเข้า จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ลงทุนในอัตราส่วนร้อยละ 30 ดำเนินธุรกิจทดสอบถังน้ำมัน และถังก๊าซ และบริการด้าน NDT และได้รับใบอนุญาตลงทุนในต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศแห่ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2554 เป็นเวลา 15 ปี ส่วนประเทศ กัมพูชา และเวียดนาม อยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียด
“งานต่างประเทศชัดเจนแล้วสำหรับประเทศลาว โดยได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเรียบร้อยแล้ว ส่วนการร่วมทุนกับประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้ง พม่า กัมพูชา ยังอยู่ระหว่างการเจรจา แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งหากเป็นไปตามแผน สัดส่วนรับงานต่างประเทศของ TNDT จะเพิ่มเป็น 5% แน่นอน จากปีก่อนที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 2-3% ขณะที่สัดส่วนการรับงานในประเทศจะอยู่ที่ประมาณ 95%
ส่วนผลประกอบการในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นตามรายได้และได้รับสิทธิทางภาษีจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) และในปีนี้ยังคงเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 300ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีรายได้ 244.02 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากงานในมือที่ปัจจุบันมีอยู่จำนวน 210 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เข้ามาทั้งหมดในปีนี้และงานใหม่ที่จะเข้ามาในครึ่งปีหลัง" นางสาวชมเดือน กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการงวดสะสม 6 เดือน ปี 2554 มีกำไรสุทธิ 29.29ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับ กำไรสุทธิ งวดเดียวกัน ปี 2553 จำนวน 20.85 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 8.45 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.53 อันเป็นผลเนื่องจาก บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการ เพิ่มขึ้นจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น
ในขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี 2554มีรายได้จากการให้บริการ จำนวน 133.94 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้จากการให้บริการช่วงเดียวกันของปี 2553 จำนวนเงิน 120.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.99 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.74 และผลจากการที่บริษัทฯ ได้ให้บริการจากกิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯ ประหยัดภาษีเพิ่มขึ้น
โดยงวด 6 เดือน บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ปี 2554 เป็นเงิน 0.17 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกัน ของปี 2553 มีจำนวนเงิน 2.31 ล้านบาท ลดลงเป็นเงิน 2.15 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 92.78 ในขณะที่สัดส่วนค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้รวมในปี 2554 เทียบกับปี 2553 เท่ากับร้อยละ 78.12 และ 80.80 ตามลำดับ เนื่องจากบริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทฯจึงได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 ให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท