ธปท. เผยภาวะเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคมชะลอตัวลงจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศลดลง บวกมีการย้ายฐานการผลิตไปเพื่อนบ้าน
สำนักข่าวไทยรายงาน ธปท.เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาชะลอตัวลง โดยเฉพาะการผลิตภาคการเกษตร คาดระยะต่อไปจะเข้าสู่ภาวะปกติ
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาชะลอลง โดยเฉพาะการผลิตทั้งภาคการเกษตร หดตัวลงร้อยละ 7.3 จากระยะเดียวกันของปีก่อน ตามผลผลิตข้าวที่ลดลงจากการรณรงค์ให้เกษตรกรงดทำนาปรังรอบ 2 ตั้งแต่ต้นปี แต่ระยะต่อไปคาดว่าจะปรับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรขยายตัวร้อยละ 4.8 ชะลอลงจากเดือนก่อน เนื่องจากปริมาณสินค้าเกษตรออกสู่ตลาดมากขึ้น ส่งผลให้รายได้เกษตรกรลดลงร้อยละ 2.9
ส่วนดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 1.1 จากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่เริ่มได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ในต่างประเทศชะลอลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกร้อยละ 11 ในรอบหลายปี หดตัวต่อเนื่องจากคำสั่งซื้อที่ชะลอลง ประกอบกับมีการย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่อุปสงค์ในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนชะลอลงร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนและจากเดือนก่อนหน้า ส่วนการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 6.2 จากระยะเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ในภาคการส่งออกร้อยละ 36.4 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4 จากเดือนก่อนหน้า และการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ร้อยละ 21.5 จากระยะเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาคดังกล่าวยังไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกมากนัก ส่วนอัตราเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อและต้นทุน จากผลสำรวจของ ธปท.ยังพบว่าอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำร้อยละ 0.4 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 0.5 หรือประมาณ 160,000 ล้านคน
“ภาวะการผลิต การบริโภคที่ชะลอตัวลงในเดือนนี้ น่าจะเป็นแค่ภาวะชั่วคราว เพราะการบริโภคชะลอ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายได้ภาคเกษตรหดตัว และผู้บริโภคเองก็รอความชัดเจนของนโยบายจากภาครัฐ อย่างการซื้อบ้านหลังแรก ซื้อรถยนต์คันแรก แต่คาดว่าในระยะต่อไปน่าจะคลี่คลายและปรับตัวดีขึ้น เพราะจากข้อมูลเบื้องต้น ธปท.ยังเชื่อว่าการขยายตัวในไตรมาส 3 ปีนี้ น่าจะดีกว่าไตรมาส 2” นายเมธี กล่าว
นายเมธี กล่าวว่า ขณะนี้ ธปท.อยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบต่อเงินเฟ้อ จากนโยบายการปรับลดราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลของรัฐบาล ว่าจะมีผลต่อแรงกดดันและการคาดการณ์เงินเฟ้อให้ปรับตัวลดลงมากน้อยเพียงใด โดยจะต้องดูผลกระทบจากราคาน้ำมันที่จะส่งผ่านไปยังราคาสินค้าอุปโภคบริโภคว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม มองว่าผู้ที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว น่าจะเป็นผู้บริโภคมากกว่าผู้ผลิตสินค้าหรือผู้ประกอบการ และภาระที่ลดลงนี้จะช่วยให้ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าได้มากขึ้น
Thailandindustrycom_official
