ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เผย กระทรวงพลังงานเดินหน้าแผนส่งเสริมพลังงานทดแทนต่อเนื่อง ตั้งเป้า 15 ปีเพิ่มขึ้น 20% หวังลดใช้พลังงานจากฟอสซิล
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กล่าวในงานการประชุมสัมมนา หัวข้อ แนวทางการพัฒนาระบบโครงข่ายพลังงานอัจฉริยะของชาติ หรือ สมาร์ทกริด จัดโดย คณะกรรมาธิการ วุฒิสภา ร่วมกับกระทรวงพลังงาน สนง คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
ว่า ปัญหาภาวะโลกร้อน หรือภาวะก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดขึ้น เกิดจากการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่มาจากการผลิตและการใช้พลังงานจากฟอสซิลปริมาณมาก ซึ่งกระทรวงพลังงาน มีแผนพัฒนาส่งเสริมพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าใช้พลังงานทดแทน เพิ่มเป็นร้อยละ 20 ภายใน 15 ปี หรือภายในปี 2565 จากปัจจุบัน ที่มีการใช้อยู่ที่ร้อยละ 7-8 เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐฯ มีความพยายามส่งเสริมการใช้และพัฒนาพลังงานสะอาดมากขึ้น โดยมีการส่งเสริมการวิจัย เพื่อนำมาใช้ทดแทนพลังงานจากฟอสซิลที่มีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อช่วยลดต้นทุน และลดภาวะโลกร้อน ประกอบกับ กระแสโลกหันมาสนับสนุนพลังงานสะอาดให้เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตสินค้าและการดำเนินธุรกิจ เห็นได้จากแรงกดดันจากประเทศคู่ค้าที่มีความต้องการสินค้าที่มีคาร์บอนต่ำเพิ่มขึ้น และแรงกดดันจากผู้บริโภค
ในส่วนของไทย แนวโน้มการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นับวันจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็มีปัญหาเรื่องการจัดหาพลังงานสะอาดเพื่อมาทดแทนพลังงานจากฟอสซิล เช่น พลังงานนิวเคลียร์ ถ่านหิน โซล่าเซลล์ ลม และก๊าซชีวภาพ เพราะการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ยังคงถูกต่อต้านจากประชาชน ทั้งที่ทราบดีว่า ปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย จะหมดลงในอีก 12-15 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเร่งจัดหาพลังงาน เพื่อลดปัญหาไฟฟ้าตกดับ
ดังนั้น เทคโนโลยี สมาร์ทกริด จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยเตรียมความพร้อมด้านพลังงานของประเทศ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถคำนวณความต้องการพลังงานเชื่อมโยงกับภาคการผลิตได้อย่างชัดเจน ซึ่งขณะนี้ เรื่องสมาร์ทกริด ถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า หรือ พีดีพี ของประเทศ
สำหรับการส่งเสริมพลังงานจากโซล่าเซลล์ นายสุเทพ ยอมรับว่า ยังมีต้นทุนอยู่ในระดับสูง แต่ สนพ.จะออกกฎหมายสนับสนุนทางด้านภาษี จูงใจให้ผู้ประกอบการสนใจลงทุนพลังงานจากโซล่าเซลล์มากขึ้น รวมถึงมาตรการอื่นๆ ที่จะกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น
ที่มา : สำนักข่าวไทย