กรมธุรกิจพลังงาน เผยสถานการณ์การใช้น้ำมันเดือนก.ค. 54 ลดลงทุชนิด เหตุหน้ามรสุม หมดฤดูพืชผลการเกษตร ขณะที่การนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น 8%
กรมธุรกิจพลังงาน เผยสถานการณ์การใช้น้ำมันเดือนก.ค. 54 ลดลงทุชนิด เหตุหน้ามรสุม หมดฤดูพืชผลการเกษตร ขณะที่การนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น 8%
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์เดือนกรกฎาคม 2554 ว่า การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดลดลงจากเดือนมิถุนายน 2554 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูฝน มีลมมรสุมพัดผ่านประเทศไทย ประกอบกับการหมดช่วงฤดูพืชผลจากการเกษตร โดยการใช้กลุ่มน้ำมันเบนซิน ปรับลดลง 5% จาก 20.8 ล้านลิตร/วัน อยู่ที่ 19.8 ล้านลิตร/วัน และการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 49.1 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากเดือนก่อน 8% ส่วนการใช้ LPG อยู่ที่ 563,000 ตัน/เดือน หรือ 18,100 ตัน/วัน ปรับลดลง 0.3% เช่นเดียวกับ NGV ที่มีการใช้ลดลง 2% จาก 6.8 ล้านกิโลกรัม/วัน อยู่ที่ 6.7 ล้านกิโลกรัม/วัน โดย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคมมีรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ NGV 275,239 คัน
เมื่อเปรียบเทียบการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน พบว่าการใช้น้ำมันเบนซิน 91 และ 95 อยู่ที่ 7.2 ล้านลิตร/วัน ลดลง 9% และการใช้แก๊สโซฮอล์รวมอยู่ที่ 12.5 ล้านลิตร/วัน ลดลง 2% โดยเป็นการลดลงของน้ำมันทุกชนิด ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ อี 20 และ อี85 เพิ่มขึ้น 3% และ 10% ตามลำดับ การใช้แก๊สโซฮอล์ อี85 ปัจจุบันอยู่ที่ 0.029 ล้านลิตร/วัน
สำหรับการใช้ LPG อยู่ที่ 563,000 ตัน/เดือน หรือ 18,100 ตัน/วัน ลดลง 0.3% โดยเป็นผลจากการใช้ในภาคอุตสาหกรรม 60,000 ตัน/เดือน หรือ 1,900 ตัน/วัน ลดลง 13% และภาคปิโตรเคมี 189,000 ตัน/เดือน หรือ 6,100 ตัน/วัน ลดลง 1% ในขณะที่การใช้ภาคครัวเรือนอยู่ที่ 226,000 ตัน/เดือน หรือ 7,300 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 1% ภาคขนส่ง 87,000 ตัน/เดือน หรือ 2,800 ตัน/วัน เพิ่มขึ้นถึง 9% และในเดือนกรกฎาคมมีการนำเข้า LPG 146,400 ตัน โดยกองทุนจ่ายชดเชยอยู่ที่ประมาณ 2,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ เดือนกรกฎาคม 2554 ได้เริ่มปรับราคาขายปลีก LPG ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ไตรมาสละ 3 บาท/กิโลกรัม เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง (มีผลตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2554 ) ซึ่งกรมธุรกิจพลังงานได้ออกประกาศกำหนดให้ผู้ค้า LPG ตามมาตรา 7 โรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ LPG จากถังเก็บและจ่ายก๊าซ (Bulk) และสถานีบริการ LPG ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณก๊าซที่ซื้อหรือได้มา ที่ใช้ไป ที่จำหน่าย และคงเหลือในแต่ละเดือนต่อกรมธุรกิจพลังงานภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปเป็นประจำทุกเดือนเพื่อกำกับดูแลให้การใช้ LPG เป็นไปตามนโยบายในการปรับราคา
สำหรับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเดือนกรกฎาคม มีปริมาณนำเข้ารวมทั้งหมด 892,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 8% และมูลค่านำเข้า 94,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% แบ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ 822,000 บาร์เรล/วัน มูลค่านำเข้า 88,000 ล้านบาท และน้ำมันสำเร็จรูป 69,000 บาร์เรล/วัน มูลค่านำเข้า 5,600 ล้านบาท ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปมีปริมาณ 227,000 บาร์เรล/วัน เป็นมูลค่าส่งออก 25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% และ 49% ตามลำดับ
สถานการณ์น้ำมันเชื้อเพลิงในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2554
เมื่อเปรียบเทียบการใช้น้ำมันในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2554 กับช่วงเดียวกันของปี 2553 พบว่าการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นทุกชนิด ในขณะที่การใช้น้ำมันเบนซิน 91 และ 95 ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผล
เบนซิน 91และ 95 การใช้ลดลง 7% จาก 8.3 ล้านลิตร/วัน เป็น 7.8 ล้านลิตร/วัน
แก๊สโซฮอล์รวม การใช้เพิ่มขึ้น 6% จาก11.9 ล้านลิตร/วัน เป็น 12.6 ล้านลิตร/วัน
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว การใช้เพิ่มขึ้น 3% จาก 50.6 ล้านลิตร/วัน เป็น 52.1 ล้านลิตร/วัน
NGV การใช้เพิ่มขึ้น 35% จาก 4.7 ล้านกิโลกรัม/วัน เป็น 6.4 ล้านกิโลกรัม/วัน
สำหรับการใช้ LPG ใน 7 เดือนแรกของปี 2554 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22% จาก 14,300 ตัน/วัน หรือ 433,500 ตัน/เดือน เป็น 17,400 ตัน/วัน หรือ 540,000 ตัน/เดือน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของทุกภาคการใช้ โดยภาคปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นถึง 54% ตามการขยายตัวของธุรกิจปิโตรเคมี ส่วนภาคขนส่งเพิ่มขึ้น 31% เนื่องจากราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ส่วนการใช้ในภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 7% และภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1%
สำหรับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงโดยรวมในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2554 อยู่ที่ 857,000 บาร์เรล/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1% ในขณะที่มูลค่านำเข้า 599,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% แบ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ 805,000 บาร์เรล/วัน มูลค่า 570,000 ล้านบาท และน้ำมันสำเร็จรูป 52,000 บาร์เรล/วัน มูลค่า 28,700 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการนำเข้า LPG เฉลี่ย 118,000 ตัน/เดือน มูลค่ารวม 23,400 ล้านบาท และกองทุนจ่ายชดเชยรวม 15,500 ล้านบาท ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป อยู่ที่ 167,000 บาร์เรล/วัน ลดลง 9% มูลค่า 123,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
นายวีระพลได้กล่าวถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกในขณะนี้ว่า เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ราคาได้ปรับตัวลดลงกว่า 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งสะท้อนความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันโลก อย่างไรก็ตาม EIA ได้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ในเดือนสิงหาคมโดยรวมอยู่ที่ 88 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และในไตรมาสที่ 3 นี้ จะอยู่ที่ระดับ 92.18 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล