CCP โตตามเป้าครึ่งปีแรกกวาดรายได้ทะลุ 1 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 14 ล้านบาท โชว์มาร์จิ้นไตรมาส2 13.3%
CCP โตตามเป้าครึ่งปีแรกกวาดรายได้ทะลุ 1 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 14 ล้านบาท โชว์มาร์จิ้นไตรมาส2 13.3% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มั่นใจเทรนด์ธุรกิจเป็นขาขึ้น ลุยรับงานคอนกรีตทุกรูปแบบ ออกวอแรนท์ 155 ล้านหน่วยเอาใจผู้ถือหุ้น ปิดสมุดทะเบียน 29 ก.ย.นี้
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยถึงผลประกอบการครึ่งแรกปี 54 ว่า บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,105.76 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,014.44 ล้านบาท จำนวน 91.32 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 9% และมีกำไรสุทธิ 14.02 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 13.67 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/54 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 526.74 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 525.98 ล้านบาท จำนวน 0.76 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.14% และมีกำไรสุทธิ 5.5 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.63 ล้านบาท จำนวน 3.87 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 237.42%
ทั้งนี้ในไตรมาส2 ที่ผ่านมา บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยเท่ากับ 13.3% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยเท่ากับ 12.0% เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยสามารถปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นได้ตามความต้องการของตลาด สำหรับ บริษัท ชลบุรีกันยง จำกัด ได้หันมาเน้นการขายสินค้านำเข้า และสินค้าของตนเองซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีกำไรต่อหน่วยสูงกว่ากลุ่มสินค้าทั่วไป
“ผลประกออบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้น จากการที่ลูกค้าในส่วนต่างๆมีการปรับเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนภาวะการขาดแคลนแรงงานในปัจจุบัน ขณะที่ สมาร์ทคอนกรีต ก็มีรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของตลาดอิฐมวลเบาในโครงการก่อสร้างต่างๆ ในปัจจุบัน”นายชาคริต กล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจของ CCP ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะมีงานคอนกรีตของโครงการภาครัฐและเอกชนขนาดใหญ่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความต้องการใช้คอนกรีตในอุตสาหกรรมก่อสร้าง-อสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในอัตราที่สูง เป็นโอกาสให้บริษัทสามารถรับงานในรูปแบบต่างๆได้เพิ่มเติม อีกทั้งการที่ความต้องการใช้งานปรับเปลี่ยนไปเป็นคอนกรีตสำเร็จรูปมากขึ้น จะส่งผลให้แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
นายชาคริต กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้ทำการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 155 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิอายุ 3 ปี จำนวน 155 ล้านหน่วยให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หลักทรัพย์แปลงสภาพ โดยจะปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 ก.ย. 2554