นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่สหภาพยุโรปได้ประกาศระเบียบว่าด้วยชื่อและการติดฉลากสิ่งทอ รวมถึงการทดสอบ รายละเอียดเกี่ยวกับคำบรรยายประเภทของเส้นใยตามส่วนผสมของวัตถุดิบ และตามลักษณะของสินค้า รวมทั้งข้อกำหนดเกี่ยวกับการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต การให้ข้อมูลสัดส่วนของส่วนผสมเส้นใยบนฉลากสินค้า การวิเคราะห์ตรวจสอบส่วนผสมของเส้นใย ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2554 คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศ Commission Directive 2011/73/EU แก้ไข Annex I และ V ของระเบียบ Directive 2008/121/EC โดยเพิ่มเส้นใยประเภท Polypropylene/ polyamide bicomponent ให้ใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอได้ เพื่อให้สอดคล้องกับนวัตกรรมการผลิตและการพัฒนาเส้นใย โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 19 สิงหาคม 2554 เป็นต้นไป และในวันเดียวกันนี้ได้ออกประกาศ Commission Directive 2011/74/EU แก้ไข Annex II ของระเบียบ Directive/96/73/EC เกี่ยวกับวิธีการวิเคราะห์ ทดสอบเส้นใยประเภทดังกล่าวข้างต้น โดยประเทศสมาชิก EU จะต้องนำไปกำหนดเป็นกฎหมายภายในประเทศอย่างช้าที่สุดวันที่ 30 กรกฎาคม 2555
นายสุรศักดิ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยส่งออกสินค้าสิ่งทอไปสหภาพยุโรปมูลค่าเฉลี่ย (ปี 2551 – 2553) 44,883 ล้านบาท โดยปี 2553 ส่งออกมูลค่า 44,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับปี 2552 และในปี 2554 (ม.ค. – มิ.ย.) ส่งออกมูลค่า 23,309 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ที่ผ่านมา ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรติดตามกฎระเบียบดังกล่าว เพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องก่อนส่งออกต่อไป