1. ธปท. คงประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ 4.1%
- ธนาคารแห่งประเทศไทย คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 54 ไว้ที่ร้อยละ 4.1 โดยคาดว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากภาคการส่งออกเป็นหลัก และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ครึ่งปีหลังจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ขณะที่เศรษฐกิจหลักในยุโรปยังคงขยายตัว ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนหลังเกิดภัยพิบัติ ทั้งนี้ จะยังคงมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ โดยเฉพาะมาตรการขึ้นค่าแรง 300 บาทจะส่งผลกระทบเงินเฟ้ออย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะขยายตัวสูงกว่าประมาณการหากรวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในระยะต่อไป และคาดว่าปี 55 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 4.2
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก จะเป็นแรงกดดันให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 54 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 3.8 ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 3.3-3.8 ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยปี 54 จะยังสามารถเติบโตได้ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงต่างๆ โดยจะขยายตัวในอัตราร้อยละ 4.5 ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 4.0-5.0 (คาดการณ์ ณ มิ.ย. 54) ซึ่งอุปสงค์ภายในประเทศและอุปสงค์ภายนอกประเทศจะเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ทั้งนี้ สศค. จะปรับประมาณการอีกครั้งในช่วงเดือน ก.ย. 54 เพื่อรวมผลกระทบจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในระยะต่อไป
2. ทีมงานพรรคเพื่อไทยเตรียมรื้องบประมาณรายจ่ายประจำปี
- ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะมีการรื้อการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะงบผูกพันจากรัฐบาลที่ผ่านมา และให้ทุกกระทรวงทำแผนปฎิบัติการ ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ได้ทันในเคือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2555 ขณะที่ทางด้านปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลใหม่สามารถรื้องบประมาณใหม่ได้ แค่คงเปลี่ยนแปลงได้ไม่มาก เพราะรายจ่ายส่วนใหญ่เป็นงบประจำถึงร้อยละ 70-80 ส่วนที่เหลือเป็นงบลงทุนและงบชำระหนี้ โดยการจัดทำนโยบายต่างๆ อาจจะต้องเป็นการปรับการใช้เงินจากโครงการหนึ่งไปอีกโครงการหนึ่ง
- สศค. วิเคราะห์ว่า รัฐบาลที่ผ่านมาได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 ไว้ที่ 2.25 ล้านล้านบาท โดยประมาณการรายได้ที่ 1.9 ล้านล้านบาท หรือขาดดุล -3.5 แสนล้านบาท ซึ่งบางส่วนเป็นงบผูกพันจากรัฐบาลที่ผ่านมา โดยมีนโยบายที่สำคัญคือ 1) โครงการประกันรายได้เกษตรกร จำนวน 8.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลเพื่อไทยจะปรับเป็นโครงการรับจำนำแทน 2)เบี้ยยังชีพคนชรา ซึ่งคาดว่าจะยังคงดำเนินการต่อไป 3)โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งรัฐบาลเพื่อไทยจะปรับเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
ดังนั้นจึงไม่เป็นภาระต่อกรอบวงเงินงบประมาณ อย่างไรก็ดีนโยบายของรัฐบาลใหม่มีการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก จำเป็นต้องอาศัยการร่วมทุนจากโครงการในรูปแบบ PPP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการก่อสร้าง รวมทั้งไม่เป็นภาระต่องบประมาณมากเกินไป
3. ยูเอ็นแถลงการณ์เหตุรุนแรงที่นอร์เวย์กระทบทุกประเทศ
- คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประณามเหตุระเบิดกลางกรุงออสโล และเหตุกราดยิงเด็กในค่ายเยาวชนในประเทศนอร์เวย์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 92 ราย และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก โดยแถลงการณ์ของคณะมนตรีฯ ระบุว่า ลัทธิก่อการร้ายในทุกรูปแบบถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดต่อสันติภาพ เศรษฐกิจ และเสถียรภาพของนานาประเทศ ไม่ว่าเหตุก่อการร้ายนั้นๆจะเกิดขึ้นด้วยสาเหตุใดก็ตาม
- สศค. วิเคราะห์ว่า เหตุการณ์ก่อการร้ายในนอร์เวย์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทย ทั้งนี้ คาดว่า ผลกระทบที่ไทยได้รับจะน้อยมากเนื่องจากนอร์เวย์ไม่ใช่ประเทศคู่ค้าหลักของไทย โดยในปี 53 และนับจากต้นปี 54 ถึงปัจจุบัน มูลค่าการส่งออกของไทยไปนอร์เวย์อยู่ที่ 176.4 และ 86.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนต่อมูลค่าส่งออกทั้งหมดเพียงร้อยละ 0.09 และ 0.08 ตามลำดับ โดยสินค้าหลัก 5 อันดับแรกที่ไทยส่งออกไปนอร์เวย์ ได้แก่ รถยนต์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ข้าว เนื้อปลาสดแช่เย็นแช่แข็ง และอัญมณีและเครื่องประดับ
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง