แนวโน้มตลาดหลักทรัพย์จีนครึ่งปีหลังมีโอกาสดีขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจชะลอตัวในไตรมาส 2 ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงลดลง ชี้เหตุทางการจีนคุมเงินเฟ้อ พร้อมรักษาระดับการเติบโตเหมาะสม
แนวโน้มตลาดหลักทรัพย์จีนครึ่งปีหลังมีโอกาสดีขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจชะลอตัวในไตรมาส 2 ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงลดลง ชี้เหตุทางการจีนคุมเงินเฟ้อ พร้อมรักษาระดับการเติบโตเหมาะสม
แนวโน้มของตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจีนมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นในครึ่งหลังของปีพ.ศ. 2554 ทั้งนี้ ทีมวิเคราะห์คาดว่า ปัญหาภาวะเงินเฟ้อและความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจที่รุนแรง มีแนวโน้มลดลง ขณะที่ราคาของหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดอยู่ในระดับไม่แพง นอกจากนี้ ถ้าทางการจีนสามารถควบคุมภาวะเงินเฟ้อได้ ในขณะเดียวกับที่สามารถรักษาระดับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในอัตราที่เหมาะสม ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หลังจากที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศจีนในไตรมาส 2 ของปีพ.ศ. 2554 เช่น ดัชนีภาคการผลิต (Purchasing Manager Index: PMI) แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการชะลอตัวลงของภาวะเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะมีอัตราสูงสุดในเดือนมิถุนายนปีนี้ และจะทยอยปรับระดับลงมาจนถึงสิ้นปี โดยคาดว่าในปี พ.ศ. 2555 ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) จะมีอัตราประมาณร้อยละ 4 ปัจจัยข้างต้นนี้ ส่งผลให้มีการปรับลดความเสี่ยงที่จะเกิดกับภาวะทางเศรษฐกิจจากระดับรุนแรงลงมาสู่ระดับที่เบาลง ขณะเดียวกัน การเติบโตของภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 2 จะชะลอตัวลงก่อนที่จะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3
นอกจากนี้ จากการคาดการณ์แนวโน้มลดลงของอัตราเงินเฟ้อ ทีมวิเคราะห์คาดว่า ทางการจีนจะปรับลดระดับความเข้มงวดของนโยบายทางการเงินลง อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะสั้น การดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างเข้มงวดจะยังคงดำเนินการต่อไป โดยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงขึ้นอีกหนึ่งครั้ง ขณะเดียวกัน จะมีการปรับเพิ่มอัตราเงินฝากสำรองของธนาคาร (Reserve Requirement Raito: RRR) ขึ้นอีกไม่กี่ครั้ง ก่อนการสิ้นสุดของการดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างเข้มงวดในครั้งนี้
ทีมวิเคราะห์คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจีนมีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้นอกจากปัจจัยสนับสนุนของแนวโน้มที่ดีขึ้นของภาวะเศรษฐกิจแล้ว การที่ราคาหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของจีนเองมีราคาพื้นฐานที่ไม่สูงเกินไป ซึ่งเป็นผลจากการที่มีการเทขายหลักทรัพย์ออกมาอย่างตื่นตระหนกในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจุบันอัตรา P/E ของตลาดอยู่ที่ระดับ ต่ำกว่า14 เท่าเมื่อเทียบกับอัตรา P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งที่ระดับ 25 เท่า
Disclaimer : ข้อมูลในเอกสารนี้ รวบรวมจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ ทั้งนี้ บลจ.บัวหลวง ไม่สามารถยืนยันหรือรับรองความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว และไม่ว่ากรณีใด บทวิเคราะห์ในเอกสารนี้ มิได้เป็นการชี้นำในการตัดสินใจ หรือโฆษณาการดำเนินธุรกิจของบริษัท การตัดสินใจใดๆ ของผู้อ่าน ล้วนเป็นการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน ซึ่ง บลจ.บัวหลวง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือพันธะผูกพันใดๆ ทั้งสิ้น
ที่มา : บัวหลวง