เนื้อหาวันที่ : 2011-07-21 15:27:21 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2550 views

เครื่องดื่มแบบไหนช่วยในการลดน้ำหนัก

เมื่อเริ่มควบคุมน้ำหนัก หลายคนมักจะให้ความสำคัญกับอาหารมื้อหลัก ๆ แต่มักลืมไปว่าเครื่องดื่มที่เราดื่มในแต่ละวันนั่นแหละก็มีผลต่อน้ำหนักไม่น้อยไปกว่ากัน

           เวลาที่เราบอกว่ากำลังควบคุมน้ำหนักนู้นนี้อยู่นั้น เชื่อค่ะว่าหลายคนมักจะให้ความสำคัญกับอาหารมื้อหลักๆ มากกว่า ว่าจะเป็นอะไร ปริมาณเท่าไหร่ แต่อาจหลงลืมไปว่าเครื่องดื่มที่เราปล่อยตัวปล่อยใจดื่มไปในแต่ละวันนั้นก็มีผลกับน้ำหนักของเราไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาลองดูกันค่ะว่า การเลือกเครื่องดื่มนั้นสำคัญอย่างไร

โซดา : ไม่น่าจะช่วย
           หลายคนเข้าใจว่าโซดามีส่วนช่วยในการเผาผลาญและลดน้ำหนักได้ แต่บางผลการวิจัยบอกว่า มันอาจสามารถช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น หรืออาจไม่ช่วยเลย ถ้าปริมาณแคลอรีที่เราบริโภคเข้าไปแต่ละวันนั้นมีมากเกินกว่าที่ร่างกายของเราจะสามารถเผาผลาญเองได้

น้ำเปล่า : ช่วยได้
           ขอการันตีว่าการดื่มน้ำเปล่าแทนการดื่มน้ำอัดลมนั้น มันสามารถช่วยลดปริมาณแคลอรีที่เราจะได้รับในแต่ละวันลงได้ร้อยเปอร์เซ็นอย่างแท้จริง นอกจากนี้การดื่มน้ำวันละสองแก้วก่อนมื้ออาหารยังช่วยทำให้เราไม่ต้องทานมากก็รู้สึกว่าอิ่มได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานวิจัยทั่วโลกยังยืนยันหนักแน่นอีกว่า การดื่มน้ำที่มากพอนั้นจะส่งผลดีต่อกระบวนการเผาผลาญอาหารเป็นอย่างมาก

น้ำผลไม้ : ก้ำกึ่งนะ
           ว่ากันว่าปริมาณแคลอรีในน้ำผลไม้นั้นมีพอๆ กับที่มีอยู่ในโซดา แต่จะได้ประโยชน์มากกว่าในเรื่องของโภชนาการทางอาหาร ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ตัดสินได้ลำบากมาก เพราะร่างกายคนเราต้องการวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระแต่ไม่อยากได้น้ำตาลหรือสารเพิ่มความหวานที่มากเกินไป  ซึ่งในน้ำผลไม้ 100% หากดูจากตารางโภชนาการจะพบว่ามีสารเพิ่มความหวานผสมอยู่ ซึ่งเราอาจเลือกที่จะดื่มน้ำผลไม้ในปริมาณเล็กน้อยควบคู่ไปกับดื่มน้ำเปล่าให้มาก นั่นคงพอจะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง

น้ำผัก : ช่วยได้
           น้ำผักมีคุณประโยชน์พอๆ กับน้ำผลไม้ แต่ก็มีปริมาณแคลอรีที่ต่างกันครึ่งต่อครึ่ง ยกตัวอย่างในน้ำมะเขือเทศ 12 ออนซ์ จะให้พลังงานอยู่ที่ 80 แคลอรี ในขณะที่น้ำส้มให้พลังงานอยู่ที่ 160 แคลอรี และในน้ำผักยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่มีส่วนช่วยลดทอนความหิวลงได้อีกด้วย

สมูทตี้: ก้ำกึ่งนะ
           ผสม กล้วย สตอเบอรี่ และเบอรี่ ปั่นรวมกันเป็นสมูทตี้นวลลิ้น เราอาจได้ความอร่อยที่มาพร้อมกับวิตามินและแร่ธาตุแบบสุดๆ แต่เมื่อไหร่ที่เราเติมน้ำผึ้ง ไอศครีม หรือสารเพิ่มความหวานอื่นๆ ลงไปด้วยแบบเต็มอยาก คุณรู้ใช่ไหมคะว่ามันก็คงไม่ได้ช่วยอะไร

นมพร่องมันเนย : ก้ำกึ่งนะ
          แน่นอนว่าอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมย่อมส่งผลดีต่อร่างกาย แต่ผลจากการวิจัยหลายแห่งระบุว่าแคลเซียมไม่ได้มีส่วนช่วยในการทำให้น้ำหนักลดลง มีแต่ผลงานวิจัยที่บอกว่าร่างกายจะสร้างเซลไขมันเพิ่มขึ้น เมื่อพบว่ากำลังตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่าขาดแคลเซียม เพราะฉะนั้น นมพร่องมันเนย โยเกิร์ต ชีส ทานแล้วช่วยเติมเต็มแคลเซียมได้ แต่ช่วยลดน้ำหนักไม่ได้

เครื่องดื่มบำรุงกำลัง : ไม่ช่วย
           เครื่องดื่มบำรุงกำลังหรือเครื่องดื่มเกลือแร่บทสรุปคล้ายกับโซดา แม้จะมีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุ ที่เราก็สามารถได้รับสารอาหารประเภทเดียวกันนี้จากอาหารในแต่ละวันอยู่แล้ว ซึ่งถ้าคุณอยู่ในช่วงที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ละก็ แนะนำเลือกเป็นน้ำเปล่าน่าจะดีกว่า

กาแฟดำ : ช่วยได้
          เวลาที่คุณต้องการคาเฟอีน กาแฟดำเป็นตัวเลือกที่ช่วยได้ เพราะนอกจากกาแฟดำจะไร้ซึ่งแคลอรีแล้วยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยมีผลจากการวิจัยแนะว่าการดื่มกาแฟดำในปริมาณที่พอเหมาะ (3-4 แก้วต่อวัน) จะช่วยให้ภาวะทางอารมณ์ดีขึ้นและมั่นคงขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานและโรคมะเร็งได้หลายชนิดอีกด้วยค่ะ

กาแฟหวานมัน : ไม่ช่วย
           ทุกครั้งที่คุณจัดหนัก เติมครีมสด ไซรัป วิปครีมลงไป พลังงานที่ได้ก็ไม่ต่างกับอะไรกับอาหารที่เราทานใน 1 มื้อ เลยทีเดียว แต่ถ้าคุณไม่ชอบกาแฟดำจริงๆ แนะนำว่านมพร่องมันเนยหรือน้ำตาลเทียมทดแทนการจัดหนักได้ค่ะ

ชาเขียว : ช่วยได้
           กล่าวได้ว่าชาเขียว น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ในเวลาที่รู้สึกว่าร่างกายของคุณกำลังต้องการคาเฟอีน ไม่เพียงแต่เรื่องปราศจากแคลอรีเท่านั้น  ผลการวิจัยทั่วโลกยังระบุอีกว่าการดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละ 2 ถ้วย ยังช่วยในเรื่องของกระบวนการเผาผลาญอาหารและช่วยในการดักจับละลายไขมันได้อีกด้วย

เบียร์สด : ช่วยได้
           จริงอยู่ ที่ว่าจริงๆ แล้วเบียร์สดไม่ได้ช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก แต่หากคุณต้องไปดื่มเบียร์กับเพื่อนสักเหยือกจริงๆ เบียร์สดจะให้แคลอรี่อยู่ที่ประมาณ 100 แคลอรี ในขณะที่เบียร์ทั่วไปจะอยู่ที่ 150 แคลอรี เห็นไหมคะว่าช่วยได้ ;)

ปริมาณของอาหารที่คนไทยควรจะได้รับในแต่ละวัน คือ*
           1,600 กิโลแคลอรี สำหรับ เด็กอายุ 6 - 13 ปี หญิงวัยทำงานอายุ 25 - 60 ปี ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
           2,000 กิโลแคลอรี สำหรับวัยรุ่นหญิง - ชาย อายุ 14 - 25 ปี วัยทำงานอายุ 25 - 60 ปี
           2,400 กิโลแคลอรี สำหรับ หญิง - ชาย ที่ใช้พลังงานมากๆ เช่น เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน นักกีฬา

โดยปริมาณอาหารที่คนไทยควรจะได้รับในแต่ละวันนั้นมาจาก*

หมายเหตุ เลขใน() คือปริมาณแนะนำสำหรับผู้ใหญ่

*อ้างอิงข้อมูลทางโภชนาการและตารางจาก ;
http://nutrition.anamai.moph.go.th
สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณะสุข

ขอบคุณบทความดี ๆ จาก Add Free Magazine