เนื้อหาวันที่ : 2011-07-20 16:09:39 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 708 views

ถึงเวลาปฏิรูป…มาตรฐานระบบรักษาความปลอดภัยไทย

คุณมั่นใจแค่ไหน? กับสวัสดิภาพและความปลอดภัยของคุณและคนที่คุณรัก คุณรู้ไหมว่า? ในแต่ละปีสถิติการเกิตอุบัติภัยและอัคคีภัยในประเทศไทยสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าเท่าไหร่?

          คุณมั่นใจแค่ไหน? กับสวัสดิภาพและความปลอดภัยของคุณและคนที่คุณรัก คุณรู้ไหมว่า? ในแต่ละปีสถิติการเกิตอุบัติภัยและอัคคีภัยในประเทศไทยสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าเท่าไหร่?

          Secutech Thailand 2011 งานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ เพื่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของคนไทยทั้งประเทศ

          คุณมั่นใจแค่ไหน? กับสวัสดิภาพและความปลอดภัยของคุณและคนที่คุณรัก เทคโนโลยีการสื่อสารที่ล้ำสมัยในทุกวันนี้ ทำให้เราได้เห็นรายงานข่าวต่างๆ มากมายที่นำเสนอเรื่องราวของภัยอันตรายที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งภัยจากธรรมชาติและจากน้ำมือมนุษย์ ที่นับวันจะเพิ่มความถี่และความรุนแรงมากขึ้นจนน่าตกใจ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ อุบัติภัย อัคคีภัย อาชญากรรม หรือแม้แต่การจราจลและการก่อการร้ายและอีกมากมาย ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

          คุณรู้ไหมว่า? ในแต่ละปี ประเทศไทยประสบอุบัติภัยและอัคคีภัยที่สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นมูลค่าเท่าไหร่? ตัวเลขจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระบุว่า ในแต่ละปีมีผู้บาดเจ็บราว 70,000 คน เสียชีวิตกว่า 10,000 คน และมีมูลค่าความเสียหายกว่า 7,000 ล้านบาท นี่ยังไม่รวมถึงความเสียหายจากภัยธรรมชาติ การชุมนุมประท้วงและการก่อจราจลที่ยากต่อการควบคุม

          แล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น? อาจจะไม่รู้สึกอะไร เพราะคิดว่าเรื่องพวกนี้รู้อยู่แล้วจะเอามาเล่าเพื่ออะไร ที่นำมาเล่าไม่ได้คิดว่าไม่มีใครตระหนักถึงความสำคัญ หรือไม่สนใจกับการป้องกันและการรักษาชีวิตและทรัพย์สินของตน ตรงกันข้าม 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับระบบรักษาความปลอดภัยในประเทศไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยถึง 5-10% ต่อปี ซึ่งเริ่มมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากต่างประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในระดับนานาชาติ หรือแม้แต่เหตุการณ์ก่อความไม่สงบในประเทศ อย่างสถานการณ์ในภาคใต้

สาเหตุดังกล่าวทำให้ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมของไทยต้องนำเข้าสินค้าและใช้เทคโนโลยีจากอุปกรณ์เหล่านี้ เพื่อช่วยปกป้องทรัพย์สินของตนเอง คิดเป็นการนำเข้าจากตลาดต่างประเทศมูลค่าเกือบ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และจากการที่คนในสังคมตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นนี้เอง ระบบรักษาความปลอดภัย จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของคนในยุคนี้ไปโดยปริยาย

          นี่เองที่ทำให้ประเทศไทย กลายเป็นตลาดการค้าและจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของอาเซียน สำหรับอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยและระบบป้องกันภัย แม้ว่าตลาดที่เติบโตขึ้นนั้นจะมาจากการนำเข้าอุปกรณ์ไฮเทคจากต่างประเทศ เพื่อรองรับการเพิ่มมาตรการป้องกันและระบบรักษาความปลอดภัยให้สูงขึ้นก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะอุตสาหกรรมด้านความปลอดภัย ถือว่ามีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติและประชาชนชาวไทย

จะเสียเงินเท่าไหร่ หากป้องกันเหตุร้ายได้ ก็ถือว่าคุ้ม!!!

          คำถามอยู่ที่ว่า ในเมื่อเรานำเข้าอุปกรณ์ไฮเทคทันสมัยจากต่างประเทศมากมาย เหตุใดความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินถึงไม่กระเตื้องขึ้น ตรงกันข้ามมูลค่าความเสียหายจากเหตุร้ายต่างๆ กลับเพิ่มสูงขึ้นทุกปี

ปัญหาอยู่ที่การใช้เม็ดเงินอย่างไม่เกิดประโยชน์สูงสุดต่างหาก

          ลองคิดดูว่า หากบุคลากรหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาระบบความปลอดภัยให้กับหน่วยงานต่างๆ ยังขาดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย และจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการบนพื้นฐานของราคา เลือกซื้อในสิ่งที่ผู้ขายบอกว่าดี ซื้อตามความนิยม หรือเลือกซื้อเพราะได้ยินได้เห็นโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์ นั่นย่อมส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนอย่างแน่นอน

          ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือ ระบบกล้องวงจรปิดในประเทศไทย หลายครั้งที่เกิดเหตุ แล้วความละเอียดของกล้องวงจรปิดไม่เพียงพอต่อการระบุตัวคนร้าย รวมถึงปัจจัยภายนอกอื่นๆ เช่น แสงสว่างไม่เพียงพอ แสงไฟที่ส่องตรงเข้ามาที่ตัวกล้องสว่างมากเกินไป วัตถุเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว หรือเกิดปัญหาในการเก็บข้อมูล ซึ่งจะพบปัญหาก็ต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์แล้วเท่านั้น

          กี่ครั้งกี่หน ที่เราได้ภาพจากกล้องวงจรปิด แล้วไม่สามารถระบุตัว ระบุทะเบียน หรือแม้แต่รุ่นของรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ที่คนร้ายใช้ได้ ซึ่งปัญหาเฉพาะหน้าเหล่านี้ก็มีวิธีแก้ในแบบอื่นๆ เช่น ให้แฟนพันธุ์แท้มอเตอร์ไซค์มาช่วยระบุรุ่นของมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่องและน่าชื่นชม

          แต่จะดีแค่ไหน หากภาพคนร้ายที่กล้องจับได้นั้น สามารถระบุได้ทันทีถึงเลขทะเบียนรถ รุ่นของรถ หรือแม้แต่เห็นใบหน้าของคนร้ายอย่างชัดเจน ลองคิดตาม สมมติว่ามีขโมยเข้ามาในบริษัทของคุณ ระบบกล้องวิดีโอตรวจการณ์ความละเอียดสูงที่ตรวจจับความเคลื่อนไหวและความร้อนจากอุณหภูมิร่างกายของมนุษย์ จะทำการฉายแสงพร้อมบันทึกภาพหัวขโมยคนนั้น พร้อมบอกกล่าวกับขโมยว่า “ขณะนี้ภาพของแกได้ถูกส่งไปให้ตำรวจเรียบร้อยแล้ว” แล้วระบบยังรายงานภาพเหตุการณ์จริงให้คุณได้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่บริษัทของคุณในทันที ยิ่งไปกว่านั้น ระบบยังช่วยติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้จัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที

          ตัวอย่างดังกล่าว เป็นผลมาจากการเลือกใช้โซลูชั่นวิดีโอแบบดิจิทัลที่ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่เป็นแบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งบอกได้เลยว่า การใช้โซลูชั่นเชื่อมระบบทั้งหลายเข้าด้วยกันแบบในหนังฮอลีวู้ดนี้ ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากมายอย่างที่คิดเลย

          เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจและอุตสาหกรรมด้านความปลอดภัย การจัดการอัคคีภัย และการป้องกันอุบัติภัย และหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ที่ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ นำทีมโดย เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต บริษัทชั้นนำระดับโลกจากเยอรมนี และอินเตอร์เนชั่นแนล โปรโมชั่น แอนด์ เอ็กซิบิชั่น (IPEX) ได้ร่วมกันจัดงานแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เคยจัดมาแล้วในหลายประเทศ ขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่องาน “Secutech Thailand 2011” ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าและการประชุมสัมมนาเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมในระดับนานาชาติ ด้านความปลอดภัย อัคคีภัย และการป้องกันอุบัติภัย โดยได้รวบรวมบริษัทชั้นนำจากประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ เทคโนโลยี และโซลูชั่น ด้านความปลอดภัยจากทั่วโลกมาไว้ภายในงานนี้

          มร. พาร์สัน ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต นิว เอร่า บิสิเนส มีเดีย จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดสินค้าและบริการด้านความปลอดภัย รวมถึงการป้องกันอัคคีภัยและอุบัติภัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน ด้วยมูลค่าตลาดในปีที่ผ่านมาถึง 280 ล้านเหรียญสหรัฐ สิ่งสำคัญที่ตลาดต้องการคือเวทีในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงแหล่งแสวงหาข้อมูลความรู้ และศึกษาความต้องการของตลาด รวมถึงการค้นหาพันธมิตรที่มีคุณภาพและโอกาสทางธุรกิจ ทางเมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต จึงมองเห็นถึงโอกาส ที่จะนำงานแสดงสินค้าระดับโลกอย่างงาน Secutech Thailand 2011 มาจัดขึ้นในประเทศไทย

          สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในด้านของผู้ร่วมแสดงสินค้า ด้วยแบรนด์สินค้าชั้นนำถึง 110 บริษัท ในแวดวงความปลอดภัยจาก 17 ประเทศทั่วโลก และงานสัมมนาในระดับนานาชาติถึง 25 หัวข้อสัมมนา และในด้านของผู้เข้าชมงานและร่วมรับฟังสัมมนากว่า 5,000 คนจากทั่วโลก” มร. พาร์สัน ลี กล่าวสรุป

          ความสำเร็จในครั้งนี้จึงเป็นนิมิตหมายอันดี ที่แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวของผู้บริหารและบุคลากรในสายงานที่เกี่ยวข้อง และที่ประเทศไทยจะมีเวทีระดับโลกในอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อความมั่นคงของประเทศเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในด้านการรักษาความปลอดภัย และจากการถ่ายทอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จัดขึ้นภายในงาน ถือเป็นการจุดประกายให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของระบบรักษาความปลอดภัยและยกระดับระบบรักษาความปลอดภัยในประเทศให้มีมาตรฐานเทียบเท่าสากล ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งเสริมตลาดสินค้าและบริการด้านความปลอดภัย รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในสายงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุด ก็คือประชาชนชาวไทย ที่จะมีสวัสดิภาพและความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง