การที่เรือรบต้องปฏิบัติงานอยู่ในทะเลเป็นระยะเวลายาวนาน อาหารและเชื้อเพลิงถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ระบบส่งกำลังเพิ่มเติมในทะเลจึงมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เรือรบสมารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างราบรื่น
การที่เรือรบต้องปฏิบัติงานอยู่ในทะเลเป็นระยะเวลายาวนาน อาหารและเชื้อเพลิงถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ระบบส่งกำลังเพิ่มเติมในทะเลจึงมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เรือรบสมารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างราบรื่น
จากการที่เรือรบจะต้องอยู่ในทะเลเป็นระยะเวลายาวนาน โดยใม่มีทั้งอาหารและเชื้อเพลิง ดังนั้น เรือรบจำนวนมากจึงต้องการระบบส่งเชื้อเพลิงและเสบียงเพิ่มเติมในทะเล ซึ่งต้องใช้เรือส่งกำลังบำรุงที่ติดตั้งระบบส่งกำลังแบบไฟฟ้าในทะเลของโรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce electric Replenishment at Sea system :RAS) โดยล่องเรือไปในระยะประชิด (บางครั้งห่างกันเพียง 24 เมตร หรือเท่ากับความยาวรถหกคันต่อกัน) เพื่อทำการขนส่งเสบียงและสิ่งของต่างๆ ข้ามไป
1. สายลาก (Gun Line)
การเติมเชื้อเพลิงจากเรือสู่เรือไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนการเติมน้ำมันรถที่ปั๊มน้ำมัน ขั้นตอนจะเริ่มจากการยิงสาย ‘gun-line’ จากเรือลำหนึ่งไปยังอีกลำหนึ่งในระยะใกล้ และนำสายดังกล่าวไปผูกไว้กับสายที่มีน้ำหนักมากกว่า (หรือที่เรียกว่า hose line) สำหรับใช้ลาก โดยเริ่มจากการลากด้วยมือก่อนจากนั้นจึงใช้เครื่องดึง
2. เชือกขึง (Jackstay)
สายเคเบิ้ลเหล็กที่เรียกว่า เชือกขึง (jackstay) จะนำมาใช้เชื่อมต่อกับ hoseline จากนั้นจะผูกติดกับเรือที่รับเสบียง และขึงให้ตึงโดยใช้เครื่องดึงที่จับความตึงได้อัตโนมัติ (autotensioning winch) บนเรือส่งกำลัง โดยเชือกขึงจะวางในมุม 45 องศาจากเรือส่งกำลัง เพื่อให้ท่อเชื้อเพลิงสามารถส่งลงไปจากเชือกขึงได้
3. ท่อลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิง
ท่อดังกล่าวจะทำหน้าที่ในการลำเลียงเชื้อเพลิงระหว่างเรือสองลำ ซึ่งเราไม่เพียงสามารถเติมน้ำมันเชื้อเพลิงในทะเลได้เท่านั้น เสบียง อาหารและอาวุธยุทธภัณฑ์ ก็ลำเลียงได้ในลักษณะเดียวกัน โดยใช้รอกที่วิ่งไปมาระหว่างเรือบนสายเคเบิ้ลโดยการดึงเข้าและดึงออก
4. การควบคุมการทำงาน
ระบบ (RAS) เป็นกระบวนการอันซับซ้อนที่ต้องอาศัยความแม่นยำสูง โดยใช้เจ้าหน้าที่เพียงหนึ่งคนคอยควบคุมบนเรือเสริมกำลังผ่านการใช้จอยสติ๊ก เพื่อควบคุมระบบต่างๆ และเช็คปัญหาขัดข้องในระหว่างการส่งกำลังเพิ่มเติม