คนไทยส่วนใหญ่ร้อยละ 60 อยากให้ รัฐบาลใหม่แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ของแพง
ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา คำถามหนึ่งที่สำคัญ ก็ คือ ประชาชนส่วนใหญ่ อยากให้รัฐบาลใหม่แก้ปัญหาเรื่องอะไรมากที่สุดซึ่ง ศรีปทุม exit poll ได้ทำการเก็บข้อมูลในวันเลือกตั้งและสรุปว่าว่า ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ของแพง เป็นปัญหาที่ ประชาชน ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขมากที่สุดถึงร้อยละ 56.8 รองลงมาคือ เรื่องความสามัคคี ความขัดแย้งร้อยละ 12.9 และปัญหายาเสพติด ร้อยละ 10.0 นอกนั้น อยู่ในระดับความสำคัญใกล้เคียงกัน คือ ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาการศึกษา และ ปัญหาการว่างงาน ส่วนปัญหาชายแดน และความมั่นคง นั้นให้ความสนใจค่อนข้างน้อย ยกเว้นในพื้นที่ภาคใต้ผู้ที่เลือกพรรคเพื่อไทย ต้องการให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ของแพง มากกว่าผู้ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์
เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบผู้เลือก 2 พรรคใหญ่ พบว่า ผู้ที่เลือกพรรคเพื่อไทย กว่าร้อยละ 60 ต้องการให้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ของแพง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้ความสำคัญปัญหานี้ ร้อยละ 53.6 พบว่ามีความแตกต่างถึงเกือบร้อยละ 10 ขณะที่ในปัญหาอื่นๆ นั้น ผู้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้แก้ไขปัญหาความสามัคคี ความขัดแย้ง ปัญหาทุจริต คอรัปชั่น และปัญหาการศึกษา ในสัดส่วนที่มากกว่าผู้ที่เลือกพรรคเพื่อไทย ส่วนปัญหายาเสพติดนั้นผู้ที่เลือกพรรคเพื่อไทยต้องการให้แก้ไขมากกว่า ผู้ที่เลือกพรรคประชาธิปปัตย์
คนกรุงเทพที่เลือกพรรคประชาธิปปัตย์ ต้องการให้แก้ไขเรื่อง ความสามัคคี ความขัดแย้ง และเรื่องทุจริต คอรัปชั่น
คนกรุงเทพ นอกจากเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ของแพงแล้ว ปัญหาที่คนกรุงเทพต้องการให้แก้ไข คือ เรื่องความสามัคคี ความขัดแย้ง ที่มีสัดส่วนสูงกว่า ภาคอื่นๆ อย่างชัดเจน โดยเฉพาะผู้ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนลำดับสามซึ่งคนกรุงเทพที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญ คือ เรื่องการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งแปลกกว่าในภาคอื่นๆ ส่วนผู้ที่เลือกพรรคเพื่อไทยในกรุงเทพนั้น มีความต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา เกือบจะเหมือนภาพรวม ยกเว้นว่าอยากให้เน้นแก้ปัญหา การว่างงานมากกว่าปัญหาการศึกษา
ประชาชนในภาคกลาง นั้นมีความต้องการเกือบเหมือนภาพรวมของประเทศ และไม่แตกต่างกัน กันมากนักระหว่าง ผู้ที่เลือกพรรค ประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ยกเว้น เรื่องการว่างงานที่ ผู้ที่เลือกพรรคเพื่อไทยมีความต้องการให้รัฐบาลแก้ไขสูงกว่าเรื่องการศึกษา
ภาคอีสาน ผู้ที่เลือกพรรคเพื่อไทยต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ของแพง มากกว่าทุกภาคอย่างเห็นได้ชัด
ภาคอีสานผู้ที่เลือกพรรคเพื่อไทย ต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ของแพง เป็นลำดับแรก ร้อยละ 64.1 ปัญหาเรื่องความสามัคคี ความขัดแย้ง รองลงมาร้อยละ 11.1 ขณะที่ผู้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้แก้ไขปัญหานี้ถึงร้อยละ 17.1 ส่วนปัญหาที่ผู้เลือกพรรคเพื่อไทย ต้องการให้แก้ไขเรื่องต่อไป คือ เรื่องยาเสพติด ปัญหาเรื่องการศึกษา การว่างงาน และ ทุจริต คอรัปชั่น ตามลำดับ จะพบว่าชาวอีสานที่เลือกพรรคเพื่อไทย สนใจปัญหาเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นน้อยกว่าเรื่องอื่นๆ แต่ต้องการเรื่องการศึกษาในลำดับที่สำคัญมากกว่าพื้นที่อื่นๆ
ภาคใต้ ปัญเรื่องชายแดน ความมั่นคง ได้รับการให้ความสำคัญสูงกว่าภาคอื่นๆ แต่ปัญเศรษฐกิจ ปากท้อง ของแพง ก็ยังเป็นปัญหาหลักที่ทุกคนต้องการให้รัฐบาลแก้ไขเป็นเรื่องแรก และในภาคใต้ประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยสนใจเรื่องความสามัคคี ความขัดแย้งน้อยกว่าเรื่องยาเสพติด โดยต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นลำดับที่ 2 ร้อยละ 13.3
ภาคเหนือประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยต้องการให้แก้ไขเรื่องเรื่องยาเสพติด มากกว่าเรื่องความสามัคคี ความขัดแย้ง และยังต้องการให้แก้ไขเรื่องของการศึกษามากกว่า เรื่องการทุจริต คอรัปชั่น
โดยสรุป ปัญหาอันดับหนึ่งที่ต้องการให้รัฐบาลใหม่แก้ไขเหมือนกันในทุกภูมืภาค และความต้องการนี้ สูงกว่า ร้อยละ 50 ในทุกภูมิภาค ทำให้คาดการณ์ว่า นี้อาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ พรรคแกนนำรัฐบาลเก่า คือ พรรคประชาธิปัตย์ พลาดเก้าอี้ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ อย่างมาก เพราะตั้งแต่ก่อนการยุบสภา มาจนกระทั่งถึงการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม เป็นช่วงที่ประชาชนประสพกับปัญหาเศรษฐกิจ ข้าวของแพง น้ำมันปาล์มขาดตลาดซึ่งทางรัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม
ดังนั้นก็หวังว่ารัฐบาลใหม่คงรับฟังเสียงความคิดเห็นนี้ เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการทำนโยบาย ให้ไม่เป็นที่ผิดหวังของผู้ที่เลือกท่านเข้ามา ส่วนปัญหาอื่นๆ ที่ต้องการการแก้ไข อาจจะมีการให้ความสำคัญ แตกต่างกันบ้างในแต่ละภูมิภาค ก็เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน
ที่มา : มหาวิทยาลัยศรีปทุม