TTA ดึง Seadrill ยักษ์ใหญ่ขุดเจาะโลก ร่วมลงทุนกับกลุ่มเมอร์เมด เพิ่มศักยภาพธุรกิจบริการเรือขุดเจาะระดับโลก
TTA ดึง Seadrill ยักษ์ใหญ่ขุดเจาะโลก ร่วมลงทุนกับกลุ่มเมอร์เมด เพิ่มศักยภาพธุรกิจบริการเรือขุดเจาะ ตอกย้ำความสำเร็จในการนำบริษัท AOD เข้าจดทะเบียนในตลาดออสโลก
TTA เผยสามารถดึง Seadrill ยักษ์ใหญ่ระดับโลกเป็นพันธมิตรร่วมลงทุนกับเมอร์เมด ในบริษัท เอเชียออฟชอร์ ดริลลิงค์ จำกัด (AOD) ในการสร้างและให้บริการเรือขุดเจาะแบบ Jack-up rigs ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวสูง การร่วมทุนในครั้งนี้จะทำให้ AOD ได้รับความสนับสนุนเป็นอย่างดีจากธนาคารและตลาดการเงินต่อไป และมีต้นทุนในการดำเนินงานที่ต่ำเนื่องจากมี economy of scale เมื่อบริหารเรือร่วมกับกองเรือของ Seadrill อนาคตของ AOD จึงดูสดใสมาก
เมื่อเร็วๆ นี้ AOD ได้ประสบความสำเร็จในการการเสนอขายหุ้นให้แก่บุคคลในวงจำกัด (private placement) ให้แก่นักลงทุน โดยสามารถระดมเงินทุนได้เป็นจำนวน 80 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีผลทำให้เมอร์เมด และ Seadrill กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน AOD โดยต่างถือหุ้นเท่ากันในสัดส่วนร้อยละ 33.75 ของ AOD
“การมีพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งอย่าง Seadrill ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเรือขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติชั้นนำของโลก จากนอร์เวย์มาร่วมลงทุนกับเมอร์เมด ถือเป็นอีกก้าวของความสำเร็จสำหรับ AOD และถือยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นทำงานหนัก การคิดอย่างมีวิสัยทัศน์ และการวางแผนงานอย่างมีกลยุทธ์ของเราอีกด้วย ในขณะเดียวกัน การระดมเงินทุนได้ถึง 80 ล้านเหรียญสหรัฐในเวลาที่สภาพตลาดมีความท้าทายเช่นนี้ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเรา ซึ่งภายในระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา AOD สามารถระดมเงินจากตลาดทุนได้ถึง 180 ล้านเหรียญสหรัฐ
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในระยะกลางของตลาดทุนที่มีต่อบริษัทที่ประกอบธุรกิจเรือขุดเจาะแบบ jack-up ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวสูงอย่างเช่น AOD” ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเมอร์เมดและบริษัทในเครือ กล่าว
Seadrill ในฐานะพันมิตรรายใหม่ของเราจะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ AOD ในการทำธุรกิจให้บริการเรือขุดเจาะนี้ให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจาก Seadrill ประสบความสำเร็จในฐานะเจ้าของและผู้ให้บริการเรือขุดเจาะ ปัจจุบัน มีฐานปฏิบัติการเรือขุดเจาะเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากถึง 24 ลำ และในปี 2553 ที่ผ่านมา Seadrill มีรายได้สูงถึง 4,040 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรสุทธิ 1,172 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 17,497 ล้านเหรียญสหรัฐ