เนื้อหาวันที่ : 2011-06-30 16:12:34 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2206 views

แสนสิริ ปลื้มยอดขายทะลุเป้า 20% ลุยสร้างจุดแข็งแบรนด์ต่อ

แสนสิริเผยยอดขายคอนโด 5 เดือนแรกทะลุเป้า 3,000 ล้าน พร้อมเดินหน้าชูแนวคิด Vertical Living สร้างจุดแข็งแบรนด์

          แสนสิริเผยยอดขายคอนโด 5 เดือนแรกทะลุเป้า 3,000 ล้าน พร้อมเดินหน้าชูแนวคิด Vertical Living สร้างจุดแข็งแบรนด์

          แสนสิริ ปลื้มยอดขาย 5 เดือนแรกแตะ 3,000 ล้านบาท สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2,500 ล้านบาทถึง 20 เปอร์เซ็นต์ หลังทยอยปิดการขายโครงการทุกระดับราคาอย่างต่อเนื่อง ระบุจะเดินหน้าดันแนวคิด “Vertical Living” เพื่อสร้างภาพลักษณ์คอนโดแสนสิริเป็น “ที่ที่ใช้ชีวิต” หวังสร้างความแตกต่างของแบรนด์ พร้อมเผยครึ่งปีหลังเร่งเปิดตัว 9 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 17,700 ล้านบาท เพื่อตอบรับกำลังซื้อจากผู้บริโภคที่ซื้อคอนโดเพื่ออยู่อาศัยจริง

          นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการ คอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยล่าสุดว่า ภายใน 5 เดือนแรกของปี 2554 แสนสิริสามารถสร้างยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมได้รวม 3,000 ล้านบาท ซึ่งเกินเป้ายอดขายครึ่งปีแรกที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2,500 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลจากคุณภาพและการออกแบบโครงการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบันภายใต้แนวคิด “Vertical Living” ที่พลิกวิถีคิดของที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมจากการเป็นแค่ “ที่อยู่” สู่ “ที่ที่ใช้ชีวิต” ที่ลูกบ้านคอนโดมิเนียมแสนสิริสามารถใช้ชีวิตเมืองแบบ “Vertical Living: ที่สะดวกสบายในแบบที่ตัวเองและครอบครัวต้องการ พร้อมดื่มด่ำกับสุนทรียรสจากการดีไซน์และสังคมคุณภาพ

          “ยอดขายของโครงการคอนโดมิเนียมของแสนสิริในระดับราคา 1 – 4 ล้านบาทมียอดขายต่อเนื่องสูงที่สุด เนื่องจากคนซื้อส่วนใหญ่เป็นคนซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง รวมทั้งการออกแบบและสถานที่ตั้งของโครงการของแสนสิริก็ตอบรับพฤติกรรมการอยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดีเพราะใกล้รถไฟฟ้าและใกล้แหล่งชุมชนที่เดินทางสะดวก นอกจากนั้น ยังมีมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหลังแรกของรัฐบาลเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วยิ่งขึ้น โดยเห็นได้จากการที่โครงการ dCondoรามคำแหงและ dCondoอ่อนนุช – สุวรรณภูมิ ที่ปิดโครงการก่อนกำหนด รวมทั้งโครงการ Hive Taksinซึ่งอยู่ในระดับ B-Segment ก็สามารถปิดโครงการได้เมื่อไม่นานที่ผ่านมา

ขณะที่โครงการ Ceil by Sansiri, The Base,และ blocs 77 ก็มียอดขายถึง 60 เปอร์เซ็นต์, 95 เปอร์เซ็นต์ และ 85 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดสองโครงการหลังได้ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม โครงการที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน (A-Segment) ก็ยังคงได้รับความนิยมเช่นกัน หากตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นที่นิยม รวมทั้งมีคุณภาพและการออกแบบโครงการที่โดดเด่น เห็นได้จากยอดขายของ Quattro by Sansiriที่แม้จะมีระดับราคาที่ค่อนข้างสูง คือ 8.9 – 36 ล้านบาท แต่ก็มียอดขายสูงถึง 85% โดยแสนสิริวางเป้าว่าจะสามารถปิดโครงการนี้ได้ภายในสิ้นปี 2554 นี้อีกเช่นกัน” นายอุทัย อุทัยแสงสุข กล่าว

          “ปัจจุบัน แสนสิริเหลือจำนวนยูนิตพร้อมขายของคอนโดมิเนียมไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องเร่งแผนการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ให้เร็วขึ้น โดยคาดการณ์ว่าภายในครึ่งปีหลัง เราจะนำเสนอโครงการใหม่ๆ สู่ตลาดประมาณ 9โครงการ รวมมูลค่ากว่า 17,700 ล้านบาท เพื่อตอบฐานลูกค้าที่แสดงความประสงค์จะเข้ามาเป็นสมาชิกของครอบครัวแสนสิริ โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมในระดับราคา 1-3 ล้านบาท ที่เราพัฒนาแนวคิดในการออกแบบให้ทุกชีวิตในโครงการสามารถดำเนินไปได้อย่างมีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการใช้ชีวิตได้ในระยะยาว”

          ล่าสุด แสนสิริ ได้เผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณา เพื่อสะท้อนแนวคิด “Vertical Living” ในการพัฒนาโครงการที่พร้อมจะสร้าง “ที่ที่ใช้ชีวิต” ให้แก่กลุ่มลูกค้า เพื่อตอกย้ำภาพผู้นำของตลาดคอนโดมิเนียมเมืองไทยในทุกระดับราคา “เราต้องการกระตุ้นให้ลูกค้าคิดตามและมองเห็นคุณค่าที่เรามุ่งพัฒนาโครงการเพื่อสร้าง “Vertical Living” ที่มีคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของแสนสิริเป็นลูกค้าประจำและมีความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์แสนสิริ

นอกจากนี้ เรายังร่วมกับ “แสนสิริ ดีไซน์ โซลูชั่น (DSD)” ในการพัฒนาและออกแบบคอนโดมิเนียมให้สนองตอบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น รวมทั้งใส่ใจในสภาพแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีต่อลูกบ้านและต่อโลกในระยะยาว โดยปัจจุบันเราได้มีการติดตั้งระบบการคัดแยกขยะเพื่อสภาพแวดล้อมที่ดีของการอยู่อาศัยในโครงการ นำร่องโดยการเปิดตัว “ห้องคัดแยกขยะ” ภายในโครงการคอนโดมิเนียมไฮฟ์ ตากสิน และจะเริ่มขยายไปในโครงการอื่นๆ ตามลำดับ” นายอุทัย อุทัยแสงสุข กล่าว

         นายอุทัย มองภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมครึ่งปีหลัง 2554 ว่า “ตลาดคอนโดมิเนียมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้โครงการคอนโดมิเนียมอาจจะไม่สามารถปิดโครงการได้อย่างรวดเร็วภายในวันเดียวเหมือนในอดีต เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เริ่มลดน้อยลง แต่คนซื้อคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ในปัจจุบันเป็นการซื้อเพื่ออยู่จริง ดังนั้น แม้ยอดขายของคอนโดมิเนียมจะไม่หวือหวา แต่ก็สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการเกิดฟองสบู่คอนโดมิเนียมที่โครงการคอนโดมิเนียมล้นตลาดเพราะมีการซื้อลงทุนเก็งกำไรมากกว่าการซื้อจริงเพื่ออยู่อาศัย โดยพื้นที่ติดรถไฟฟ้าและใจกลางแหล่งชุมชนยังคงเป็นบริเวณที่ได้รับความนิยม”