ปตท.เตรียมเข้าหารือกับกระทรวงพลังงานหลังเกิดเหตุท่อก๊าซ ฯ อ่าวไทยรั่ว ยันดำเนินการตามมาตรฐาน มั่นใจสามารถจัดหาพลังงานทดแทนได้เพียงพอต่อความต้องการ
ปตท.เตรียมเข้าหารือกับกระทรวงพลังงานหลังเกิดเหตุท่อก๊าซ ฯ อ่าวไทยรั่ว ยันดำเนินการตามมาตรฐาน มั่นใจสามารถจัดหาพลังงานทดแทนได้เพียงพอต่อความต้องการ
นายวิชัย พรกีรติวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุท่อส่งก๊าซธรรมชาติรั่วบริเวณกิโลเมตรที่ 81 ห่างจากแท่นผลิตในทะเล เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น จากการตรวจสอบพบว่า จุดที่ก๊าซฯ รั่ว คือบริเวณท่อฯ ต่อเชื่อมระหว่างท่อฯประธานในทะเลขนาด 34 นิ้ว (ท่อเส้นที่ 1) กับท่อย่อย (24 นิ้ว) ที่ส่งก๊าซฯ มาจากแหล่งปลาทอง
เบื้องต้นได้ดำเนินการระงับเหตุอย่างเร่งด่วนตามมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อควบคุมสถานการณ์ และจัดเรือสังเกตการณ์คอยเฝ้าระวัง พร้อมเตือนเรือประมงไม่ให้เข้าใกล้บริเวณเกิดเหตุ กระทั่งเช้าวันที่ 26 มิถุนายน 2554 ได้ส่งอุปกรณ์สำรวจใต้น้ำ ROV (Remotely Operated Vehicle) ลงตรวจสอบ เพื่อนำข้อมูลมาประเมินและเร่งดำเนินการแก้ไขซ่อมแซม เป็นเหตุให้ต้องหยุดส่งก๊าซฯ ผ่นท่อฯ ประธานเส้นดังกล่าวชั่วคราวและอยู่ระหว่างการเมินระยะเวลาในการดำเนินการแก้ไขซ่อมแซม
ทั้งนี้ ผลกระทบจากเหตุดังกล่าว ทำให้การส่งก๊าซธรรมชาติมีปริมาณลดลงประมาณ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งกระทบต่อการส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โดย ปตท. อยู่ระหว่างการจัดการหาน้ำมันเตา 30 ล้านลิตให้กับโรงไฟฟ้า พร้อมทั้งมีแผนจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) รวมทั้งจัดหาก๊าซฯ จากแหล่งอื่น ๆ เข้ามาเสริม คาดว่าจะมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการ ล่าสุดได้เตรียมเข้าหารือกับกระทรวงพลังงานเพื่อติดตามสถานการณ์และเดินหน้าบริหารพลังงาน
สำหรับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ปตท. ยืนยันว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในทะเล ทั้งสิ่งมีชีวิต คุณภาพน้ำทะเล และสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติมีคุณสมบัติเบากว่าอากาศ ไม่ละลายน้ำ และไม่มีสิ่งเจือปนอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเร่งแก้ไขโดยเร็วที่สุด นายวิชัย กล่าว