ย้อนรอยประวัติศาสตร์ 150 ปี ที่เขาวัง ชื่มชมพระปรีชาสามารถพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงสยาม
กว่าจะรวมพลกันครบตามนัดหมาย เวลาก็ล่วงเลยที่นัดไปเกือบชั่วโมง หลายคนยังมากันแบบสลึมสลืออยู่ มื้อเช้าของการเดินทางในทริปนี้จึงลงมติกันที่ร้านข้าวแกงแถวๆ เขาย้อย ระหว่างทางได้หยิบข้อมูลของจุดหมายปลายทางคราวนี้ที่ “พระนครคีรี” หรือเขาวัง ทำให้รู้ว่าแต่เดิมเรียกว่า เขาสมณ จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังสำหรับเสด็จแปรพระราชฐานในฤดูร้อน ขึ้นบนยอดเขาทั้ง 3 นี้ และพระองค์ทรงเรียกสิ่งก่อสร้างต่างๆบนเขาทั้งหมดนี้ว่า พระนครคีรี สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2402 - 2405 แต่ชาวเมืองเพชรต่างพากันเรียกติดปากว่า “เขาวัง”
ออกจากร้านข้าวแกงโดยตกลงกันว่าขึ้นเขาวังคราวนี้ จะขึ้นทางดั้งเดิมไม่ได้ขึ้นทางรถรางไฟฟ้าเพราะจะทำให้ได้ภาพงามๆ ตลอดสองข้างทางมากกว่าขึ้นทางรถไฟฟ้า และแค่ป้ายทางขึ้นเท่านั้นเราก็จะพบกับ “ลิง” เจ้าถิ่นที่กระจุกตัวอยู่รวมกันเป็นฝูง ก็ขอเตือนนักท่องเที่ยวทุกท่านไว้ก่อนเลยว่าสำหรับขวดน้ำ แก้วน้ำ หรือซองขนมขบเคี้ยวต่างๆ กรุณาอย่าได้ถือไปมาอยู่กับตัว เพราะเจ้าจ๋อพวกนี้อาจจะเข้ามาแย่งแบบดื้อๆ แถมมีขู่หากไม่ให้ซะด้วย แนะนำให้หาเป้หรือถุงทึบใส่ของไปดีกว่า เวลาจะหยิบกินหยิบใช้ก็มองซ้ายมองขวาให้ดีก่อนแล้วกัน
ตลอดทางเราจะเพลิดเพลินกับความร่มรื่นของต้นลีลาวดีจำนวนมากมายที่แข่งกันชูช่ออวดดอกสวยงาม สอดแทรกกลมกลืนอยู่กับสถาปัตยกรรมไทย จีน และยุโรป (แบบนีโอคลาสสิก) ด้วยความสวยงามของสถานที่ทำให้เสียงชัตเตอร์รัวกันแบบไม่คิด ถ่ายมุมไหนก็สวยไปหมด จุดแรกที่เราเดินขึ้นไปถึงเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี ปัจจุบันเป็นพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ และพระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ ภายในจัดแสดงเครื่องราชูปโภคหลายอย่าง เช่น เครื่องถ้วยชาม ตุ๊กตาโลหะจากยุโรป พระแท่นบรรทม เครื่องมุก ฯลฯ (ภายในพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูป)
เลยเข้าไปอีกนิดจะถึงพระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท ภายในประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์แบบที่เคยทรงในการเสด็จออกรับทูตานุทูต พ้นประตูออกไปจะเป็นพระที่นั่งราชธรรมสภา เป็นอาคารคล้ายเก๋งจีน ผสมการตกแต่งแบบไทยผสมตะวันตก ส่วนด้านหน้าคือหอชัชวาล หอทรงกลมสูง 2 ชั้น หลังคาโค้งกรุกระจก เป็นที่ศึกษาและสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งบริเวณนี้นับว่าเป็นจุดที่เราอยู่เพื่อเก็บภาพนานอีกจุดหนึ่งแม้ว่าแสงแดดจะร้อนมากมายแค่ไหนก็ตาม
ผู้คนมากมายที่มาเยี่ยมเยือนเขาวังแห่งนี้ เดินขวักไขว่ไปมาเป็นระยะๆ แบบไม่ขาดสาย ทำให้เขตพระราชฐานแห่งนี้ดูไม่เคยเงียบเหงา ยิ่งโดยเฉพาะในวันหยุดด้วยแล้วความครึกครื้นยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ เส้นทางลัดเลี้ยวเคี้ยวคดอ่อนช้อยพาให้กลุ่มเราเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปไปจนถึงยอดเขาลูกกลาง อันเป็นที่ตั้งของพระธาตุจอมเพชร เจดีย์สีขาวทรงลังกา มีความสูงจากฐานเจดีย์ 40 เมตร พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้บูรณะเจดีย์เก่าที่มีอยู่ก่อน แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริก- ธาตุมาบรรจุไว้ ถึงตอนนี้หลายคนในทริปเริ่มบ่นปวดแข้งขากันบ้างแล้ว เมื่อดูเวลาก็ยังเหลือพอที่จะเดินไปชมสถานที่สำคัญของยอดเขาด้านทิศตะวันออกได้แบบสบายๆ จึงพากันหาที่นั่งพักตามร่มไม้ข้างทางเดิน
ขณะนั่งพักก็ยังจะมีลิงเจ้าถิ่นคอยป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่ตลอด ทำให้ต้องคอยระมัดระวังข้าวของที่พกมา แต่บางครั้งด้วยท่าทางตลกๆ ของมันก็ทำให้อดหัวเราะไม่ได้ หลายคนในทริปต่างพากันได้รูปลิงที่นี่ไปไม่มากก็น้อยทีเดียว ในเขตพระราชฐานแห่งนี้ไม่มีร้านขายอาหาร มีแต่ร้านขายเครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวอยู่เป็นจุดๆ จึงขอแนะนำให้กินตุนมาให้เรียบร้อยซะก่อน แต่ถ้าหากจะนำเข้ามากินในพระราชฐานก็ขอให้ระมัดระวังเรื่องสถานที่ และ...ลิง ด้วยแล้วกัน
หลังจากพักแข้งพักขากันเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มออกเดินทางไปตามเส้นทางเดินด้านทิศตะวันออกเพื่อยอดเขาสุดท้าย เส้นทางช่วงนี้เริ่มจะมีนักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ (คงมากันไม่ไหว) ทำให้บรรยากาศแลดูเงียบสงบ และขลังมากขึ้น รูปที่ได้จากบริเวณนี้จึงมีมนต์เสน่ห์สวยไปอีกแบบ เพราะไม่มีคนเข้ามาติดอยู่ในรูป แถมลิงก็แทบจะไม่มาวิ่งเล่นซนให้เห็นซักตัว ทำให้คนที่ชอบบรรยากาศเก่าๆ ที่โอบล้อมด้วยต้นลีลาวดีจำนวนมากสวยงามเพิ่มขึ้น
ยอดเขาลูกสุดท้ายนี้มีวัดพระแก้วน้อยตั้งอยู่บนยอด เพื่อจำลองวัดพระแก้วในพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพมหานคร สิ่งก่อสร้างที่เป็นจุดเด่นนอกจากอุโบสถวัดพระแก้วแล้ว ยังมีเจดีย์แดง ปรางค์จัตุรมุข ทาสีแดงทั้งองค์ ยิ่งวันไหนฟ้าเปิด ยิ่งทำให้สีแดงของพระปรางค์ยิ่งเด่นตัดกับสีฟ้าเข้มมากขึ้นไปอีก
พวกเราใช้เวลาหมดไปกับยอดเขาสุดท้ายนี้ค่อนข้างมากอีกเช่นกัน ก่อนที่จะอำลาเขาวังด้วยการลงทางรถรางไฟฟ้า ต้องขอบอกว่าแม้แดดจะร้อนมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาจากการเที่ยวพระราชวังแห่งนี้ กลับเป็นความชื่นใจ และความรู้สึกที่น่าทึ่งต่อพระปรีชาสามารถของพระเจ้าแผ่นดินของเรา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระวิสัยทรรศน์อันล้ำเลิศ จนสามารถทำให้สถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นได้จริงๆ หากใครยังไม่เคยไปต้องขอให้ลองไปเยือนเขาวังซักครั้ง แล้วลองจินตนาการถึงการก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้ เมื่อย้อนกลับไปประมาณซัก 150 ปีทีแล้ว คุณจะเข้าใจถึงพระปรีชาสามารถของพระเจ้าแผ่นดินของเรา...ที่เขาวังครับ
การเดินทาง
- สถานที่ตั้ง : จังหวัดเพชรบุรี , ริมถนนเพชรเกษมสายเก่า (ทางหลวงหมายเลข 4)
- อัตราค่าเข้าชม : คนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท
- ค่ารถรางไฟฟ้า : ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท (นั่งได้ 15-20 คนต่อเที่ยว)
- เวลาปิด - เปิด : 08.30 - 16.15 น.
- เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ : 032-401-006 , 032-425-600
หมายเหตุ : งานเฉลิมฉลองพระนครคีรีจะจัดขึ้นทุกวันศุกร์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นระยะเวลา 10 วัน 10 คืน