เชฟโรเลต สร้างยอดขายในภูมิภาคเพิ่มเป็นประวัติการณ์สูงถึง 81% ในเดือนพฤษภาคม แซงอัตราการขยายตัวของอุตสาหกรรมโดยรวมในอาเซียนที่ 3%
เชฟโรเลต สร้างยอดขายในภูมิภาคเพิ่มเป็นประวัติการณ์สูงถึง 81 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนพฤษภาคม แซงอัตราการขยายตัวของอุตสาหกรรมโดยรวมในอาเซียนที่ 3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบปีต่อปี
เชฟโรเลต ประเทศไทย สร้างอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็นสถิติใหม่ 94 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤษภาคม 2554 พฤษภาคมเป็นเดือนที่ยอดขายสูงที่สุดในอินโดนีเซีย ในประเทศไทย เชฟโรเลต โคโลราโด สร้างยอดขายได้สูงสุด รองลงมาคือ อาวีโอ ซีเอ็นจี ครูซ และแคปติวา
เชฟโรเลต เผยอัตราการเติบโตยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง คิดเป็น 81 เปอร์เซ็นต์จากภูมิภาคอาเซียนในเดือนพฤษภาคม ซึ่งสูงกว่าอัตราขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวมของภูมิภาคอาเซียน 3 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ในประเทศไทย หากเปรียบเทียบปีต่อปี เชฟโรเลต มีอัตราเติบโตสูงขึ้น 94 เปอร์เซ็นต์ และหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อัตราการเติบโตของ เชฟโรเลต ประเทศไทยอยู่ที่ 79 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 31 เปอร์เซ็นต์
“ในปีนี้การเติบโตของเรายังคงสูงกว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวม และสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ของเรา และความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อเรา” มร.อันโตนิโอ ซาร่า รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าว
มร. ซาร่า กล่าวเสริมว่า “ในประเทศไทย เชฟโรเลต โคโลราโด มียอดจำหน่ายสูงสุดในเดือนพฤษภาคม ตามด้วยอาวีโอ ซีเอ็นจี ครูซ และแคปติวา ซึ่งเชฟโรเลต ครูซ ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องหลังจากเปิดตัวออกสู่ตลาด โดยในประเทศสหรัฐอเมริกา ครูซ ขึ้นแท่นเป็นรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเช่นกัน เราเชื่อมั่นว่า ครูซ จะสร้างความสำเร็จในประเทศไทย และในภูมิภาคนี้ต่อไป”
เชฟโรเลต ครูซ ขึ้นแท่นเป็นรถยนต์ยอดจำหน่ายอันดับหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤษภาคมปี 2554 ทำสถิติแซงหน้ารถยนต์ทุกแบรนด์ในประเภทเดียวกัน และยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในเดือนพฤษภาคม การเติบโตของตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียนยังคงสูงกว่าการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมโดยรวมเช่นกัน ซึ่งนำโดยมาเลเซียที่สามารถสร้างการเติบโตได้เป็นอัตราเลขสามหลัก คือสูงถึง 295 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่อัตราการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมโดยรวมมีเพียง 6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และหากเปรียบเทียบปีต่อปี อัตราการเติบโตคิดเป็น 193 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสวนทางกับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมโดยรวมที่เป็นไปในทางลบเพียงแค่ 2 เปอร์เซ็นต์
ยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 59 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปีในอินโดนีเซียในเดือนพฤษภาคมเป็นไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับภาพรวมของการเติบโตของตลาดซึ่งเป็นตัวเลขเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นยังเป็นเดือนที่อินโดนีเซียสามารถสร้างยอดจำหน่ายได้สูงที่สุดในปี 2554 และสูงที่สุดตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่ผ่านมา
ยอดจำหน่ายในสิงคโปร์กลับมาแข็งแกร่งขึ้นในเดือนพฤษภาคม โดยเพิ่มขึ้น 59 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบเป็นตัวเลขปีต่อปี และสูงกว่าตัวเลขการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมโดยรวมซึ่งอยู่ที่ 12 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ยอดจำหน่ายปีต่อปีในฟิลิปปินส์เพิ่มสูงขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์ สวนทางกับการเติบโต 2 เปอร์เซ็นต์ในภาพรวมของอุตสาหกรรม
“เรามั่นใจว่าจะสามารถคงอัตราการเติบโตของเราไปจนถึงเดือนสุดท้ายของไตรมาสที่ 2 และต่อเนื่องไปถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2554 ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจจะได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ อีกทั้งการขยายตัวของเครือข่ายดีลเลอร์ที่ให้บริการ” มร. ซาร่า กล่าวสรุป