ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมสานต่อนโยบายพัฒนาตลาดทุน เพิ่มขีดความสามารถตลาดทุนไทย
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยวิสัยทัศน์ของพรรคการเมืองมีมุมมองที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาตลาดทุนไทย เชื่อมั่นนโยบายต่าง ๆ จะได้รับการสานต่อไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะมาเป็นรัฐบาล และรัฐบาลใหม่จะสามารถใช้ตลาดทุนให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการสัมมนา “ตลาดทุนกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย....ภายใต้รัฐบาลใหม่” จัดโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทยว่า เป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะการเสนอแนวคิดของผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน และการแสดงวิสัยทัศน์ของพรรคการเมือง ได้เสนอมุมมองและข้อเสนอแนะในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุน
ซึ่งเชื่อมั่นว่าศักยภาพและความร่วมมือขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน จะทำให้ตลาดทุนไทยแข็งแกร่งมากขึ้น โดยการปฏิรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นแนวทางที่สำคัญที่จะเพิ่มขนาด เพิ่มความคล่องตัว เพิ่มผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้ตลาดทุนไทย
“มั่นใจว่าตลาดทุนเป็นสิ่งที่รัฐบาลใหม่จะให้ความสำคัญต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นกลไกที่สำคัญมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และทุกพรรคการเมืองได้เตรียมนโยบายพัฒนาตลาดทุนไว้เป็นอย่างดี และมีแนวนโยบายหลายประการ สอดคล้องกับแผนพัฒนาตลาดทุนไทย และเป็นการบ้านที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องมาดำเนินการต่อ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสานต่อแนวนโยบายที่เป็นประโยชน์กับการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาตลาดทุนไทยต่อไป ” นายจรัมพรกล่าว
สำหรับนโยบายของพรรคการเมืองที่เสนอและเป็นเรื่องที่ควรสานต่อ มีทั้งเรื่อง การผลักดันการสร้างตลาดสินค้าเกษตรให้เป็นตลาดชั้นนำของภูมิภาคโดยการรวมกันของ TFEX และ AFET การพัฒนาตลาดตราสารหนี้สำหรับผู้ลงทุนรายย่อย การผลักดันจากภาครัฐให้รัฐวิสาหกิจที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียน การผลักดันให้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนของโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ การปฏิรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน การลดขั้นตอนและเวลาในการเข้าจดทะเบียน
โดยเน้นเรื่องการเปิดเผยข้อมูลเพื่อความโปร่งใส การปรับปรุงมาตรการภาษีที่เป็นอุปสรรคในตลาดทุน การผลักดันเรื่องการบังคับใช้กฎหมายในตลาดทุน การทำให้ตลาดทุนมีภาพลักษณ์ที่โปร่งใส รวมถึง การเร่งให้ความรู้ด้านการบริหารเงิน Financial Literacy เพื่อสร้างรากฐานที่ดีสำหรับการบริหารเงินของประชาชนไทย ซึ่งจะเป็นการสร้างผู้ถือหุ้นที่มีคุณภาพ และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในตลาดทุนให้มีความสามารถในการแข่งขันได้ในระดับสากล
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำงานเชิงรุกตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทยนับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา ได้เกิดพัฒนาการสำคัญและสร้างความน่าสนใจให้กับตลาดทุนไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยสะท้อนผ่านดัชนีวัดที่สำคัญ เช่น การขยายตัวของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ซึ่ง ณ เดือน พ.ค.2554 เพิ่มเป็น 8.74 ล้านล้านบาท จาก 5.91 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 50% จากสิ้นปี 2552 ส่วนมูลค่าการระดมทุนในช่วงปี 2553 – 2554 มีมูลค่าเฉลี่ย 8.62 พันล้านบาทต่อเดือน เพิ่มจากปี 2552 ที่เฉลี่ยประมาณ 3 พันล้านบาทต่อเดือน
ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันทำสถิติสูงสุดโดยเพิ่มขึ้นจาก 18,226 ล้านบาท ในปี 2552 เป็น 32,847 ล้านบาท ณ เดือน พ.ค. 2554 นอกจากนี้ พัฒนาการด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีของประเทศไทยเปรียบเทียบกับประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย 11 ประเทศ
จากผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการ หรือ CG Watch โดย Asian Corporate Governance Association ร่วมกับ CLSA ซึ่งพิจารณาข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้รับการเลื่อนอันดับการกำกับดูแลกิจการ จากลำดับที่ 8 เป็นลำดับที่ 4 จาก ซึ่งนับว่ามีพัฒนาการดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ในขณะที่ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ตลาดอนุพันธ์ของไทย เป็นตลาดที่มีปริมาณการซื้อขายโกล์ดฟิวเจอร์ส มากเป็นอันดับ 5 ของโลก เป็นต้น