1. "พาณิชย์" เผย 4 เดือนแรกปี 54 ส่งออก "อาหาร" ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.7
- รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารที่สำคัญของโลก โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 54 มีการส่งออกอาหารไปยังประเทศต่างๆ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,043 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสินค้าส่งออกหลักได้แก่ ข้าว ไก่แปรรูป กุ้งแช่แข็ง ทูน่ากระป๋อง ผักและผลไม้ เป็นต้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า อุตสาหกรรมอาหารเพื่อการส่งออกของไทยได้เพิ่มความสำคัญมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เห็นได้จากสัดส่วนอุตสาหกรรมอาหารต่อการส่งออกรวมใน 4 เดือนแรกของปี 54 ที่อยู่ที่ร้อยละ 19.6 เพิ่มขึ้นจากทั้งปี 53 ที่อยูที่ร้อยละ 17.8 นอกจากนี้ ราคาสินค้าเกษตรยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง
โดยดัชนีราคาสินค้าเกษตรในเดือน เม.ย. 54 ขยายตัวที่ร้อยละ 22.3 จากปีก่อนหน้า เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 18.2 ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกอาหารของไทยขยายตัวเร่งขึ้น ทั้งนี้ คาดว่า การส่งออกอาหารดังกล่าวจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 54 จากอุปสงค์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวเศรษฐกิจโลก
2. กรมธนารักษ์ปรับราคาประเมินที่ดินรอบปี 55-58 ใหม่ทั่วประเทศ
- อธิบดีกรมธนารักษ์เตรียมประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินรอบใหม่ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการพิจารณาประเมินทุก 4 ปี เพื่อประกาศใช้ในการทำนิติกรรมรอบวันที่ 1 ม.ค.55-31ธ.ค.58 เบื้องต้นราคาปรับเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 10-15 และพุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 50 สำหรับบริเวณแนวรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพ และพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวในต่างจังหวัด
- สศค. วิเคราะห์ว่า ราคาที่ดินทั่วประเทศที่จะมีการปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-15 ดังกล่าว เป็นไปเพื่อสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน เม.ย.54 ขยายตัวร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 3.1 โดยมีปัจจัยสำคัญจากการเพิ่มสูงขึ้นของราคาในหมวดผักและผลไม้ หมวดยานพาหนะ และน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการขยายตัวเศรษฐกิจโลก
3. สหรัฐฯ ไม่ได้มองว่าจีนเป็นประเทศที่มีการแทรกแซงค่าเงินสูง
- ประธานาธิบดีสหรัฐ แสดงความเห็นต่อค่าเงินหยวนของทางการจีนว่า สหรัฐฯ ไม่ได้มองว่าจีนเป็นประเทศที่มีการแทรกแซงค่าเงินสูง อีกทั้งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงในรายงานต่อสภาคองเกรสว่า ความพยายามของทางการจีนในการปล่อยให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นยังไม่เพียงพอ โดยทางการสหรัฐฯ ต้องการให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นกว่านี้
- สศค. วิเคราะห์ว่า นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 53 ทางการจีนได้ปล่อยให้ค่าเงินหยวนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยปล่อยให้ค่าเงินหยวนลอยตัวในช่วงแคบ (Managed float) โดยตั้งแต่เดือน มิ.ย. 53 ถึง เม.ย. 54 เงินหยวนแข็งค่าขึ้นร้อยละ 5.1 อย่างไรก็ตาม ดุลการค้าสหรัฐฯ-จีน ยังคงขาดดุลต่อเนื่อง
โดยในปี 53 สหรัฐฯขาดดุลการค้าจีนถึง -2.91 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการขาดดุลการค้ากับจีนต่อเนื่องนี้ น่าจะเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ทางการสหรัฐฯ ออกมาแสดงความเห็นต่อค่าเงินหยวนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การขาดดุลการค้าสหรัฐฯ โดยรวมปรับตัวลดลง เหลือเพียง -6.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 53 จาก -8.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 50 ซึ่งการขาดดุลการค้าที่ลดลงนี้ นับว่าเป็นผลส่วนหนึ่งของการปรับสมดุลเศรษฐกิจโลกหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 51-52
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง