ฟรอสต์ แนะธุรกิจปรับตัวเพิ่มขีดความสามารถหาช่องลงทุนต่างประเทศลดความเสี่ยงการเมืองภายในทำให้เศรษฐกิจฟื้นช้า
ฟรอสต์ แนะธุรกิจปรับตัวเพิ่มขีดความสามารถหาช่องลงทุนต่างประเทศลดความเสี่ยงการเมืองภายในทำให้เศรษฐกิจฟื้นช้า
นายคาวาน มุตยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซิลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยปี 54 ขยายตัวได้ 4% ตามการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ขณะที่บริษัทคาดว่าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 2.8% โดยเชื่อว่าหากเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ไม่ดีนัก ทางการต้องไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วเกินไป เพราะจะฉุดให้เศรษฐกิจเดินได้ช้าลง ด้านของปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามองคือ การเมืองในประเทศภายหลังการเลือกตั้ง อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวมากยิ่งขึ้น
“ปีนี้เรามองว่าเศรษฐกิจไทยคงเดินหน้าได้ในระดับกลาง ๆ ไม่สูงมากนัก แต่สิ่งสำคัญที่ต้องจับตามองมาก กว่าเรื่องอื่นคือ การเมืองภายในประเทศที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจบางช่วงบางตอนสะดุดได้ และกรณีที่หลายคนเป็นห่วงว่าหากพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทยเข้ามาเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรนั้น ทางบริษัทไม่ได้วิเคราะห์ในเรื่องนี้ว่าใครจะเข้ามาและเป็นอย่างไร
แต่อยากเสนอให้ภาคธุรกิจเองต้องมีกลยุทธ์ที่แข่งขันได้ พยายามนำตัวเองสู่ตลาดนอกบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงจากผลกระทบจากการเมือง เพราะเท่าที่ผ่านมาเมื่อมีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น นักลงทุนจะเริ่มกังวลใจ จนถึงชะลอการลงทุนบ้างก็มี” มร.มุตยาตั้งข้อสังเกต
ทั้งนี้ ในฐานะองค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลกซึ่งได้รับความไว้วางใจจากบริษัทต่างๆ มากกว่า 10 อุตสาหกรรมทั่วโลก ฟรอสต์แอนด์ซัลลิแวนมั่นใจว่าจะสามารถช่วยให้องค์กรไทยในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ไอซีที ยานยนต์และลอจิสติกส์ เฮลท์แคร์ และอุตสาหกรรมการบิน สามารถพัฒนาศักยภาพและเพิ่มกลยุทธ์ในการแข่งขันทั้งสำหรับตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศได้”
นอกจากนี้ มร. มุตยายังได้เสนอแนะให้บริษัทต่างๆนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งนำเสนอโมเดลทางธุรกิจแบบใหม่เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจ ด้วยทีมที่ปรึกษาที่มีศักยภาพสูงจากทั้งในประเทศไทยและประเทศต่างๆทั่วโลก