คลังจัดประชุมคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาตินัดแรก
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เล็งเห็นความสำคัญในการออมเพื่อการดำรงชีพในยามชราภาพของประชาชนอย่างทั่วถึง และมีนโยบายในการจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งขณะนี้พระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 ได้มีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2554 ในวันนี้ (24 พฤษภาคม 2554) กระทรวงการคลังได้จัดประชุมคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติครั้งที่ 1
โดยมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน มีกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคม ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และมีผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นเลขานุการ ซึ่งทำหน้าที่เลขาธิการ กอช. ในวาระแรก
ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาในประเด็นการสรรหาเลขาธิการคณะกรรมการกองทุน การออมแห่งชาติ ซึ่งได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาเลขาธิการ กอช. เพื่อให้ได้เลขาธิการภายใน 90 วันตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ได้มีการพิจารณาโครงสร้างและอัตรากำลังของกองทุน และร่างระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและจำเป็นที่จะต้องใช้ในช่วงที่กองทุนเริ่มดำเนินการด้วย
นายอารีพงศ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานที่มีอายุ 15 – 60 ปีประมาณ 38.7 ล้านคน เป็นแรงงานที่อยู่ในระบบ 14.6 ล้านคน และอยู่นอกระบบ 24.1 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่อายุ 15 ปีขึ้นไปแต่ไม่ได้ทำงานอีก 11.4 ล้านคน สำหรับการเข้าเป็นสมาชิก กอช. พระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติได้กำหนดให้กองทุนเปิดรับสมาชิกเมื่อพ้น 360 วันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะเปิดรับสมาชิกได้ในวันอังคารที่ 8 พฤษภาคม 2555 เป็นต้นไป
สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิก จะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยที่มีอายุ 15 – 60 ปีบริบูรณ์ และไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญเพื่อการชราภาพที่มีการสมทบเงินจากรัฐหรือนายจ้างหรืออยู่ในระบบบำนาญใดๆ ซึ่งจากข้อมูลแรงงานข้างต้น จะมีผู้มีสิทธิสมัครเข้าเป็นสมาชิก กอช. ประมาณ 35.5 ล้านคน ทั้งนี้ สมาชิกมีสิทธิออมเงินขั้นต่ำครั้งละ 50 บาท แต่ไม่เกินปีละ 13,200 บาท และจะได้รับเงินสมทบจากรัฐบาลตามจำนวนเงินที่สะสมเข้ากองทุนและอายุของสมาชิก โดยมีอัตราเงินสมทบดังนี้
ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาช่องทางการรับสมัครสมาชิก โดยในเบื้องต้นนี้ได้พิจารณาให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เป็นช่องทางหลักในการรับสมัคร รวมถึงรับเงินสะสมจากสมาชิก
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการจูงใจและเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุสามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกใน กอช. ในช่วงขวบปีแรก พระราชบัญญัติฯ นี้ได้กำหนดให้ผู้สมัครที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปที่มาสมัครภายใน 1 ปีนับแต่กองทุนเปิดรับสมาชิก มีสิทธิเป็นสมาชิกของกองทุนต่อไปได้อีก 10 ปีนับแต่วันที่เป็นสมาชิก
“กระทรวงการคลังเชื่อมั่นว่า กอช. จะเป็นเครื่องมือของรัฐที่ช่วยสร้างความเท่าเทียมและความเป็นธรรมแก่แรงงานนอกระบบที่ยังไม่ได้รับความคุ้มครองทางสังคมเพื่อการชราภาพซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศให้มีช่องทางการออมในช่วงชีวิตวัยทำงาน เพื่อให้มีรายได้ในรูปบำนาญสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตยามชรา” ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวในท้ายที่สุด