เนื้อหาวันที่ : 2011-05-25 11:57:47 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 3065 views

วิวัฒนาการด้วยวิวัฒนธรรม

จะอยู่อย่างไรเมื่อวิทยาการของมนุษย์พัฒนาแต่วิวัฒนาการชะลอตัว วัฒนธรรมกำลังถอยหลัง มนุษย์ใช้ชีวิตด้วยสัญชาตญาณมากกว่าปัญญาญาณ

พระมหาประสิทธิ์ (p.yanapathipo@gmail.com)

          ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) เป็นบิดาแห่งทฤษฏีวิวัฒนาการ เขาพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิต ที่มีการผันแปรพันธุกรรมตามธรรมชาติ ซึ่งทำให้เกิดกระบวนการคัดเลือก ที่ค่อยๆ วิวัฒน์ไปตามกาลเวลา จนกระทั่งเกิดการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม ที่เรียกว่า adaptation จนสิ่งมีชีวิตสามารถที่จะดำรงเผ่าพันธุ์ของตนเองทางกายภาพได้อย่างสมดุล

ทั้งหมดนี้คือคำอธิบายของนักการศึกษาชาวตะวันตก ที่แม้จะมีผู้เห็นแย้งแตกต่างมากมายในภายหลัง แต่ก็จุดเริ่มต้นที่เป็นดั่งแสงประกาย ฉายชี้ทางให้คนรุ่นหลังได้ทำการเรียนรู้และค้นคว้า ทำความเข้าใจในความเป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทั้งคนและสัตว์ จนสามารถนำองค์ความรู้เกี่ยวกับสรีระร่างกาย การขยายพันธุ์ ปรับปรุงพันธุ์ และการตัดต่อพันธุกรรมมาใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ ในปัจจุบันอย่างแพร่หลาย แม้ว่าบางอย่างยังตอบไม่ได้ว่า สิ่งที่สร้างขึ้นมานั้นจะเป็นคุณหรือโทษ (เช่น พืช GMO และยาปฏิชีวนะบางชนิด) วิทยาศาสตร์กายภาพถูกนำมาสร้างศักยภาพให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

          ด้วยวิทยาการที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์การแพทย์ การกีฬา ชีวภาพ สาธารณสุข คอมพิวเตอร์ พลังงานและประดิษฐกรรมทางเคมีและวัสดุ ทำให้โลกอนาคตดูช่างสดใสชวนฝันถึงวันอันแสนสุข ซึ่งพรั่งพร้อมไปด้วยความสะดวกสบาย และการใช้ชีวิตอย่างสนุกเพลิดเพลิน

          แต่ในความเป็นจริงต่อให้เป็นเด็กประถมก็รู้ว่า โลกใบนี้ไม่ได้น่าอยู่อย่างที่คิด เพราะหลังจากได้กดรีโมททีวีและเมาท์คลิ๊กที่เว็บ google หรือ youtube ข้อมูลที่ถูกเปิดดูตัวเลขสูงๆ ถ้าไม่มายาลวงตาก็เลวร้ายสุดๆ วิทยาการของมนุษย์พัฒนา ในขณะที่วิวัฒนาการชะลอตัว แต่ที่น่ากังวลมากที่สุดน่าจะเป็นวัฒนธรรมกำลังถอยหลัง มนุษย์เริ่มหันมาใช้ชีวิตด้วยสัญชาตญาณมากกว่าปัญญาญาณ กระทำต่อกันด้วยความรุนแรงอย่างไร้มนุษยธรรม คำว่าเหตุผลและความถูกต้องนำมาใช้ก็ต่อเมื่อเป็นผลประโยชน์ต่อตนเอง

          มีฝรั่งเขียนหนังสือทำนายว่า อีกร้อยปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ก็มีแต่ข้อมูลของการทำลายล้างและความขัดแย้ง  แม้จะพิสูจน์ไม่ได้ว่าจะเป็นจริงอย่างที่ทำนายไว้หรือไม่ แต่ก็ทำให้เห็นว่า ไม่ว่าจะกี่ร้อยพันปีที่ผ่านมาหรืออนาคตต่อไปข้างหน้า มนุษย์ก็ยังขับเคลื่อนสังคมด้วยอารมณ์ที่ล้นเอ่อไปด้วยความโลภ โกรธ หลง วิทยาการก้าวหน้า แต่วัฒนธรรมทางจิตใจล้าหลัง และไม่ได้ก้าวไกลไปกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เลย เหมือนนกน้อยเพลิดเพลินในกรงใหญ่แต่ไม่ได้เห็นโลกกว้าง

          ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสสนทนากับพระอาจารย์อำนาจ ปริปุณฺโณ พระปลายนา (วัดท่านติดทุ่งนา) แต่เมื่อฟังท่านแล้วต้องบอกว่า “นี่คือปราชญ์ชายทุ่ง” ขณะที่สายลมโชยโยกไหวให้ใบไม้แกว่งไกว ต้นข้าวอ่อนลู่ไปตามแรงลม วาทะคมๆ และข้อคิดที่เฉียบแหลมก็พรั่งพรู ทลายความคลุมเครือให้ค่อยๆ คลี่คลาย “ต้องวิวัฒนธรรม” เสียงท่านเน้นย้ำ พร้อมทั้งอธิบายเพิ่มเติมซึ่งสรุปได้ว่า ทุกสิ่งที่มนุษย์สร้าง ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ หรือค่านิยมความเชื่อทางจิตใจล้วนแต่เป็นวัฒนธรรม 

แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนไป วัฒนธรรมเก่าๆ ที่เคยมีมา เมื่อศึกษาให้เข้าใจจะเห็นว่า บางอย่างต้อง “วิ”  คือต้องทำให้แจ้งเพื่อคนรุ่นหลังจะได้เข้าใจ ให้วิเศษทุกคนเห็นคุณค่าให้ความสำคัญ และให้แตกต่าง เพราะบางอย่างต้องปรับปรุงให้เข้าได้กับสังคมยุคใหม่ วิวัฒนาการคือความเจริญก้าวหน้าทางร่างกายของสิ่งมีชีวิต วิวัฒนธรรมคือความเจริญรุ่งเรืองทางสติปัญญาและจิตใจของมนุษย์ ท่านพระอาจารย์วิพากย์ให้ฟังหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกรณีอเมริกาที่ยิ่งใหญ่กับข้าวไทยที่ใกล้ม้วย จรวดอพอลโล่กับบั้งไฟโก้ยโสธร พัฒนาการที่ต่างกันทั้งวิธีการและเป้าหมาย สุดท้ายบั้งไฟก็พัฒนาไปตามท่อพีวีซี ในขณะที่นาซ่ากำลังมองหาที่จัดสรรบนดวงจันทร์ โรงงานน้ำตาลกับไร่อ้อยที่ย่อยสลายป่าชุมชน และสิ่งที่ท่านทำคือวิวัฒนธรรม จากวัดที่มีโบสถ์ศาลาเป็นจุดเด่น แต่ท่านสร้างห้องสมุดกับหนังสืออีกกว่าหมื่นเล่ม

ท่านบอกว่า“เห็นหน้าปกภาพหลวงตาถือไม้เท้าก็รู้จักว่านี่คือ หลวงพ่อพุทธทาส เปิดหนังสือท่านอ่านก็เท่ากับได้ฟังท่านเทศน์ พระอาจจะให้พร อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง แต่ที่มากกว่านั้นคือหนังสือสุขภาพ ที่อ่านแล้วจะอนามัยดีเพราะมีวิธีดูแลร่างกายและจิตใจที่ถูกต้อง อย่างใครที่เป็นโรคเบาหวาน อ่านแล้วก็จะอายุยืนสุขภาพดี เพราะมีวิธีปฏิบัติ เคยถามท่านว่า ทำไมถึงคิดทำห้องสมุด ท่านขอตอบซื่อๆ ว่า “เพราะผม (อาตมา) ปึก (โง่) จึงอยากให้เด็กๆ ปล่อง (ฉลาด)” หากชาร์ลส์ ดาร์วิน อธิบายวิวัฒนาการว่า เป็นการคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดของสายพันธุ์ไว้และพัฒนา พระอาจารย์อำนาจได้อธิบายวิวัฒนธรรมว่า เป็นการใช้สติปัญญาเลือกและทำ พร้อมทั้งรักษาสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้ลูกหลาน ทำให้นึกถึงปัจจุบันว่า

          ขณะที่ 3G กำลังมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ แต่โทษของเทคโนโลยีที่มีอยู่ก็ยังแก้ไขกันไม่ไหว แค่แชตธรรมดายังหลอกเด็กไปขายได้ ปัญหาที่ควรคำนึงบางทีอาจจะไม่ใช่กลัวว่าจะล้าสมัย แต่เป็นใจที่ยังไม่พัฒนาเสียมากกว่า ประเทศไทยมักจะเจ็บปวดกับการเปลี่ยนแปลง ที่ไม่ได้พัฒนาคนไว้รองรับกับสิ่งใหม่อยู่บ่อยๆ ประมูลราคาหามูลค่า ก็อย่าลืมประเมินเพื่อพัฒนาคุณค่าด้วยจะได้คู่กัน เพราะนี่คือวิวัฒนาการทางสังคมอย่างหนึ่ง ซึ่งจะต้องวิวัฒนธรรมจิตใจและปัญญาให้รู้เท่าทันด้วยเช่นเดียวกัน การสื่อสารมวลชนด้วยวิทยาการสมัยใหม่นั้นจะต้องมี กสท. คือ ก่อปัญญา  สร้างสรรค์สังคม และทุกคนคือประชาชนได้รับผลประโยชน์แท้จริง อย่าให้มันเป็นก่อปัญหาให้สังคมเสื่อมทราม และโทษประชาชนว่าไม่พัฒนา

          ถ้าไม่อย่างงั้นสังคมอุดมปัญญาที่ปรารถนา คงจะได้มาแต่ปัญหาที่จนปัญญาจะแก้

ขอบคุณบทความดี ๆ จาก Add Free Magazine