1. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน เม.ย. 2554 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 106.6
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผย ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน เม.ย. 2554 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 106.6 จากระดับ 102.3 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง
ส่วนหนึ่งจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีการใช้จ่ายมากขึ้น ประกอบกับปัญหาอุทกภัยในภาคใต้ที่เริ่มคลี่คลาย อีกทั้ง ภาคการส่งออกยังขยายตัวได้ดี อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบยังคงมีความกังวลต่อต้นทุนประกอบการที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบ จากราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ย
- สศค.วิเคราะห์ว่า แนวโน้มภาคอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 2 ของปี ในส่วนของการผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศคาดว่าจะยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง จากอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังคงมีแนวโน้มที่ดี อย่างไรก็ตาม ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก คาดว่าจะขยายตัวได้ชะลอลงจากไตรมาสแรกของปี เนื่องจากสัญญาณเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะญี่ปุ่น สหรัฐฯ และยุโรป ที่มีสัญญาณชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
2. ธปท. ต้องการให้โครงการระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เป็นธรรมและโปร่งใส
- ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กล่าวถึงการแข่งขันระดมเงินฝากของระบบธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน ว่าไม่ได้มีความกังวลว่าการแข่งขันระดมเงินฝากดังวกล่าวจะกระทบการดำเนินงาน หรือฐานะทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ แต่ต้องการให้โครงการหรือแคมเปญระดมเงินฝากออกมาเป็นธรรม และเท่าเทียมกันสำหรับผู้ฝากเงินทุกคน และสามารถเปรียบเทียบดอกเบี้ยได้อย่างชัดเจน
- สศค.วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากวิกฤตการเงินโลกครั้งล่าสุด ได้ส่งผลให้ภาคเอกชน ทั้งนักลงทุน และผู้บริโภคเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและหันมาจับจ่ายใช้สอยและลงทุนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ขยายตัวเร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ต้องระดมเงินฝากสำหรับสินเชื่อที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่กำลังเป็นช่วงขาขึ้น กระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆยิ่งต้องเร่งล็อกเงินฝากในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยหรือต้นทุนยังไม่สูงมากนัก ส่งผลให้การแข่งขันระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน รวมถึงในระยะต่อไปจะมีความเข้มขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
3. GDP สิงคโปร์ในไตรมาสที่ 1 ปี 54 ขยายตัวที่ร้อยละ 8.3 จากปีก่อนหน้า
- ทางการสิงคโปร์ประกาศตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 1 ปี 54 ว่าขยายตัวที่ร้อยละ 8.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 12.0 จากปีก่อนหน้า หรือขยายตัวร้อยละ 5.2 จากไตรมาสก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคอุตสาหกรรม ภาคการเงิน และภาคการบริการ เป็นสำคัญ ส่งผลให้ทางการสิงคโปร์ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจปี 54 ขึ้นเป็นร้อยละ 5.0-7.0 จากปีก่อนหน้าจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ช่วงร้อยละ 4.0-6.0 จากปีก่อนหน้า
- สศค. วิเคราะห์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 1 ปี 54 สะท้อนว่าเศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าจากทุกภาคส่วน ซึ่งหากพิจารณาในด้านอุปสงค์ พบว่าอุปสงค์ในประเทศ และต่างประเทศ ยังสามารถขยายตัวได้ดี แม้ในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า จากปัจจัยฐานสูง
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันสิงคโปร์ประสบกับปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน มี.ค. 54 อัตราเงินเฟ้ออยูที่ร้อยละ 5.04 จากปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหนี่อยู่ที่ร้อยละ 4.99 จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแรงกดดันจากเงินเฟ้อดังกล่าวถือเป็นความท้าทายที่สำคัญของทางการสิงคโปร์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง