กสิกรไทย ทุ่มทุนหนุนพลังงานทดแทนเต็มที่ จับมือโซล่า เพาเวอร์ พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 34 โครงการรวดกำลังการผลิตรวม 204 เมกะวัตต์ มูลค่ากว่า 21 พันล้านบาทส่งขายกฟภ. คาดแล้วเสร็จปี 56
กสิกรไทย ทุ่มทุนหนุนพลังงานทดแทนเต็มที่ จับมือโซล่า เพาเวอร์ พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 34 โครงการรวดกำลังการผลิตรวม 204 เมกะวัตต์ มูลค่ากว่า 21 พันล้านบาทส่งขายกฟภ. คาดแล้วเสร็จปี 56
นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยมีนโยบายสนับสนุนโครงการพลังงานทางเลือก เพื่อเป็นแหล่งพลังงานทดแทนสำหรับใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศให้เพียงพอต่อการใช้ในครัวเรือน ธุรกิจ อุตสาหกรรม และการพัฒนาประเทศ โดยที่ผ่านมาธนาคารเป็นผู้นำในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและสนับสนุนสินเชื่อแก่โครงการโรงไฟฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ
ล่าสุด บริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด ได้แต่งตั้งให้ธนาคารกสิกไทยเป็นผู้จัดการเงินกู้ร่วม (Mandated Lead Arranger) แต่เพียงผู้เดียว เพื่อสนับสนุนการพัฒนาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 6 เมกกะวัตต์ จำนวน 34 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 204 เมกกะวัตต์ ในการดำเนินการจัดหาและเจรจา จัดสรรแหล่งเงินกู้มูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท
ที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทย มีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทางธนาคารให้ความสำคัญด้วยการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้าได้ปล่อยกู้แก่บริษัทในกลุ่มบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด แล้วจำนวน 3,100 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 โครงการที่ จังหวัดนครราชสีมา สกลนคร และนครพนม มีกำลังผลิตรวม 18 เมกกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้ได้เชื่อมต่อขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งสามโครงการ
ธนาคารกสิกรไทย ตั้งเป้าหมายเป็นอันดับ 1 ในการสนับสนุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าทั้งในระบบการผลิตไฟฟ้าแบบดั้งเดิมและระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน รวมถึงโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) ขนาดเล็ก (SPP) และ ขนาดย่อม (VSPP) โดยจำนวนโครงการที่ธนาคารได้รับเลือกเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisory) และผู้จัดการเงินกู้ร่วม (Mandated Lead Arranger) ณ เมษายน 2554 ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 91% ของจำนวนโครงการที่เกิดขึ้นทั้งหมด หรือคิดเป็นวงเงินรวมที่ได้รับมอบหมายให้จัดสรรเงินกู้ร่วมทั้งสิ้นกว่า 150,000 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดสินเชื่อประมาณ 161,000 ล้านบาท และปัจจุบันมีวงเงินสินเชื่อที่ธนาคารได้ร่วมสนับสนุนทั้งหมดอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท คิดเป็น 11.50% ของสินเชื่อพลังงานไฟฟ้าในระบบทั้งหมด โดยมียอดสินเชื่อคงค้าง (Outstanding) อยู่ที่ 27,000 ล้านบาท
นางสาววันดี กุญชรยาคง กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันถือได้ว่าบริษัทเป็นผู้พัฒนาโครงการโซล่าฟาร์มในรูปแบบเชิงพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทย และปัจจุบันยังถือเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้งนี้ หากแผนพัฒนาโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แล้วเสร็จจะทำให้บริษัทเป็นกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในปี 2556
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดของบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด จะเน้นการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากมีความเข้มข้นของรังสีจากแสงอาทิตย์สูง
โดยแผนพัฒนาโซล่า ฟาร์มทั้ง 34 โครงการของบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด เป็นโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคด้านการพลังงานขนาดใหญ่ (Large Commercial Scale) ที่มีความสำคัญต่ออนาคตด้านพลังงานของประเทศมากที่สุดโครงการหนึ่ง เนื่องจากจะช่วยประเทศไทยลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มต้นทุนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ทางบริษัทมีสัญญาซื้อขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ทั้งหมด