โตโยต้า เผยตัวเลขยอดขายรถยนต์เดือนเม.ย. ทำสถิติยอดขายสูงสุดรวม 67,283 คัน คาดเดือนพ.ค. มีแนวโน้มลดลงจากผลกระทบในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น
โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เผยตัวเลขยอดขายรถยนต์เดือนเม.ย. 2554 ทำสถิติยอดขายสูงสุดรวม 67,283 คัน สะสม 4 เดือนขายไปแล้วกว่า 3 แสนคัน คาดเดือนพ.ค. มีแนวโน้มลดลงจากผลกระทบในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์เดือนเมษายน 2554 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 67,283 คัน เพิ่มขึ้น 17.8% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 30,953 คัน เพิ่มขึ้น 17.8% รถเพื่อการพาณิชย์ 36,330 คัน เพิ่มขึ้น 17.7% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 31,272 คัน เพิ่มขึ้น 20.8%
ประเด็นสำคัญ
1. ตลาดรถยนต์เดือนเมษายนมีปริมาณการขาย 67,283 คัน สูงสุดเป็นสถิติใหม่ของยอดขายในเดือนเมษายน ด้วยอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 17.8% ซึ่งเป็นการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วงปลายเดือนค่ายรถจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิและแผ่นดินไหวจำต้องปรับลดกำลังการผลิตลงกว่าครึ่งหนึ่งก็ตาม
โดยตลาดรถยนต์นั่งที่มีปริมาณการขาย 30,953 คัน เพิ่มขึ้น 17.8% เป็นผลจากความนิยมอย่างต่อเนื่องของรถยนต์นั่งขนาดเล็กและรถยนต์ประหยัดพลังงาน ด้านตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 36,330 คัน เพิ่มขึ้น 17.7% เติบโตตามความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
2. ตลาดรถยนต์สะสม 4 เดือน มีปริมาณการขาย 305,902 คัน สูงสุดเป็นสถิติใหม่ของยอดขายสะสม 4 เดือนแรกด้วยอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 36.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 48.2% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 28.4% สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ดีทั้งจากการขยายตัวในภาคการลงทุน การผลิต และการส่งออก ประกอบกับรูปแบบสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่หลากหลายซึ่งเอื้อต่อการตัดสินใจซื้อ ตลอดจนความนิยมอย่างต่อเนื่องในรถยนต์รุ่นใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์นั่ง
3. ตลาดรถยนต์ในเดือน พฤษภาคม แนวโน้มลดลง จากการปรับลดกำลังการผลิตตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนของค่ายรถญี่ปุ่น ซึ่งมียอดจำหน่ายรวมกันมากกว่า 85% ของตลาดรถยนต์ในประเทศรวมทั้งสต็อครถยนต์ของผู้แทนจำหน่ายลดลงจากการส่งมอบรถในเดือนเมษายน แต่ทั้งนี้การยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่นั้นจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น จากงบประมาณที่ใช้จัดการเลือกตั้งและหาเสียงซึ่งจะส่งผลให้การบริโภคและการใช้จ่ายในประเทศขยายตัวได้ดีขึ้น
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เดือน เมษายน 2554
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 67,283 คัน เพิ่มขึ้น 17.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 24,237 คัน เพิ่มขึ้น 7.2% ส่วนแบ่งตลาด 36.0%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 11,798 คัน เพิ่มขึ้น 10.0% ส่วนแบ่งตลาด 17.5%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 7,430 คัน ลดลง 5.3% ส่วนแบ่งตลาด 11.0%
2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 30,953 คัน เพิ่มขึ้น 17.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 11,652 คัน เพิ่มขึ้น 8.4% ส่วนแบ่งตลาด 37.6%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 7,004 คัน ลดลง 4.2% ส่วนแบ่งตลาด 22.6%
อันดับที่ 3 นิสสัน 3,288 คัน เพิ่มขึ้น 66.1% ส่วนแบ่งตลาด 10.6%
3.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 31,272 คัน เพิ่มขึ้น 20.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 11,732 คัน เพิ่มขึ้น 14.7% ส่วนแบ่งตลาด 37.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,831 คัน เพิ่มขึ้น 8.9% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 4,539 คัน เพิ่มขึ้น 106.8% ส่วนแบ่งตลาด 14.5%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 3,081 คัน
มิตซูบิชิ 1,411 คัน - โตโยต้า 908 คัน- อีซูซุ 657 คัน - ฟอร์ด 105 คัน
4.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 28,191 คัน เพิ่มขึ้น 25.0%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 10,824 คัน เพิ่มขึ้น 26.7% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,174 คัน เพิ่มขึ้น 9.1% ส่วนแบ่งตลาด 36.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,128 คัน เพิ่มขึ้น 151.0% ส่วนแบ่งตลาด 11.1%
5.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 36,330 คัน เพิ่มขึ้น 17.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 12,585 คัน เพิ่มขึ้น 6.1% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 11,798 คัน เพิ่มขึ้น 10.0% ส่วนแบ่งตลาด 32.5%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 4,539 คัน เพิ่มขึ้น 106.8% ส่วนแบ่งตลาด 12.5%
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – เมษายน 2554
1) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 305,902 คัน เพิ่มขึ้น 36.6%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 117,788 คัน เพิ่มขึ้น 27.5% ส่วนแบ่งตลาด 38.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 54,145 คัน เพิ่มขึ้น 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 17.7%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 37,511 คัน เพิ่มขึ้น 26.1% ส่วนแบ่งตลาด 12.3%
2) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 137,159 คัน เพิ่มขึ้น 48.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 55,681 คัน เพิ่มขึ้น 41.9% ส่วนแบ่งตลาด 40.6%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 34,662 คัน เพิ่มขึ้น 25.5% ส่วนแบ่งตลาด 25.3%
อันดับที่ 3 นิสสัน 15,467 คัน เพิ่มขึ้น 182.4% ส่วนแบ่งตลาด 11.3%
3) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 144,718 คัน เพิ่มขึ้น 28.1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 55,894 คัน เพิ่มขึ้น 17.6% ส่วนแบ่งตลาด 38.6%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 49,477 คัน เพิ่มขึ้น 15.1% ส่วนแบ่งตลาด 34.2%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 18,371 คัน เพิ่มขึ้น 129.6% ส่วนแบ่งตลาด 12.7%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 13,731คัน
โตโยต้า 5,479 คัน - มิตซูบิชิ 5,295 คัน - อีซูซุ 2,591 คัน - ฟอร์ด 366 คัน
4) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย130,987 คัน เพิ่มขึ้น 30.6%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 50,599 คัน เพิ่มขึ้น 23.9% ส่วนแบ่งตลาด 38.6%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 46,886 คัน เพิ่มขึ้น 15.0% ส่วนแบ่งตลาด 35.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 12,892 คัน เพิ่มขึ้น 181.8% ส่วนแบ่งตลาด 9.8%
5) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 168,743 คัน เพิ่มขึ้น 28.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 62,107 คัน เพิ่มขึ้น 16.8% ส่วนแบ่งตลาด 36.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 54,145 คัน เพิ่มขึ้น 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 32.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 18,371 คัน เพิ่มขึ้น 129.6% ส่วนแบ่งตลาด 10.9%