พร้อมเดินหน้าขาย PP ให้ผู้สนใจต่อ เตรียมขยายธุรกิจพลังงานทดแทน มั่นใจผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งหลังชะลอธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
นายอำนาจ ตันกุริมาน
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)
พร้อมเดินหน้าขาย PP ให้ผู้สนใจต่อ เตรียมขยายธุรกิจพลังงานทดแทน มั่นใจผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งหลังชะลอธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
GEN เพิ่มทุนฉลุยมีผู้ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนกว่า 404 ลบ. คิดเป็นสัดส่วน 61.53% "อำนาจ ตันกุริมาน" เผยพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานทันที เตรียมเรียกประชุมบอร์ดปลายเดือนนี้ ส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือเตรียมเจรจาเพื่อขาย PP ให้กับผู้สนใจแล้ว มั่นใจหลังชะลอธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง หนุนผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่ง เห็นชัดเจนได้ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2554 ที่ผลงานมีแนวโน้มออกมาสุดแจ่ม
นายอำนาจ ตันกุริมาน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEN กล่าวถึง ผลการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,878,238,610 หุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมระหว่างวันที่ 25-29 เมษายน 2554 ที่ผ่านมาว่า มีผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,155,736,832 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 61.53 ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด
โดยบริษัทฯ ได้รับเม็ดเงินทั้งสิ้น 404,507,891.20 บาท ส่วนหุ้นที่เหลือจำนวน 722,501,778 หุ้น บริษัทฯจะจัดสรรและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement-PP) และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะตามที่ได้ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป โดยมีราคาเสนอขายหุ้นไม่ต่ำกว่าที่เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งจะต้องขึ้นกับราคาตลาด
"เราพอใจกับจำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่ผู้ถือหุ้นได้ใช้สิทธิในครั้งนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เต็มตามจำนวนที่เสนอขาย แต่ก็ถือเป็นระดับที่น่าพอใจ ซึ่งหลังนี้ทางบริษัทฯ จะเริ่มเดินหน้าควบคู่กันไป ทั้งการขายหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือ และขยายธุรกิจเข้าสู่กลุ่มพลังงานตามที่ได้แจ้งไว้กับผู้ถือหุ้น
โดยจะนัดประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในปลายเดือนนี้ เพื่อหารือในเรื่องเทคโนโลยีและสถานที่ตั้งของโรงไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปออกมาในเร็วๆ นี้ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ศึกษา และเตรียมขั้นตอนต่างๆ ไว้ในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้น เมื่อมีความชัดเจนเรื่องการเพิ่มทุน งานหลายอย่างก็สามารถเดินหน้าได้ทันที"
นายอำนาจ กล่าวต่อถึงแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2554 ว่า จะออกมาเติบโตอย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากที่บริษัทฯ ได้ชะลอดำเนินการธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และได้ส่งมอบงานเกือบทั้งหมดไปแล้วในปีที่ผ่านมา จึงทำให้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2554 เป็นผลงานจากการเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเทคโนโลยีระดับสูง ที่เป็นธุรกิจหลักและยังมีอัตราการเติบโตที่ดีเป็นสำคัญ
จึงทำให้เห็นการเติบโตของผลประกอบการอย่างชัดเจนดังกล่าว ซึ่งคาดว่าในปีนี้บริษัทฯ จะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และสร้างผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับปีก่อนได้ โดยเฉพาะการพลิกจากขาดทุนสุทธิในปีก่อน มาเป็นกำไรสุทธิในปีนี้
" หลังจากที่คณะกรรมการชุดใหม่เข้ามานั่งบริหารใน GEN เราไม่ได้มองแค่นำธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ที่ดีเข้ามาเสริมความมั่นคงให้กับบริษัทฯ เท่านั้น แต่เราได้พยายามทำหลายอย่างเพื่อให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดี มีผลประกอบการเป็นกำไร และสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ให้หมดไป เพื่อให้ GEN สามารถจ่ายเงินปันผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรากำลังดำเนินการอยู่ทั้งสิ้น แต่ยังไม่สามารถพูดลงไปรายละเอียดได้ แต่ยืนยันว่าทางผู้บริหารชุดนี้พยามยามอย่างยิ่งที่จะเห็น GEN มีผลประกอบการที่ดีขึ้นภายในปีนี้" นายอำนาจกล่าว
ปัจจุบัน GEN ประกอบธุรกิจหลัก คือ ผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง คานสะพาน พื้นและผนังคอนกรีตสำเร็จรูป คอนกรีตผสมใยแก้ว ปูนซีเมนต์ผสมสารป้องกันการหดตัว และพื้นคอนกรีตอัดแรงในที่ชนิดไร้คาน ตลอดจนการให้บริการติดตั้งวัสดุต่อเชื่อมสะพาน วัสดุเสริมกำลังดิน และบริษัทฯ ยังได้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ายี่ห้อ Bodan ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผ่นข้ามรางรถไฟ และอุปกรณ์รถไฟ
นอกจากนั้น บริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (Very Small Power Producer หรือ VSPP) ขนาด 9.9 เมกกะวัตต์ ที่ใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิง เนื่องจากเห็นว่าเป็นหนทางที่จะสร้างรายได้อย่างมั่นคงให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว เพราะเป็นการผลิตไฟฟ้าเพื่อขายไฟฟ้าคืนให้กับภาครัฐ ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนรับซื้อไฟฟ้าคืนในระดับราคาที่ดี เพื่อส่งเสริมให้ผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้า และส่งเสริมให้มีการใช้ทรัพยากรภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยได้สนับสนุนอัตราส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) จากผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในช่วง 7 ปีแรก ถึงยูนิตละ 3.50 บาท สำหรับไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงขยะ ดังนั้นเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าที่ขายคืนให้กับภาครัฐ จะเป็นอัตราที่ดี ทำให้บริษัทฯ เติบโตอย่างมั่นคงได้ จึงได้ตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าด้วยโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมากดังกล่าว โดยการลงทุนในโรงไฟฟ้าขนาด 9.9 เม็กกะวัตต์ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท และหากเทียบกับรายได้จากการขายไฟ และบวกค่าแอดเดอร์จะพบว่าบริษัทฯ จะคืนทุนภายในเวลาเพียง 6 ปีเท่านั้น