1. ครม.นัดสุดท้ายไฟเขียวโครงการปล่อยกู้ 0 % ซื้อบ้านหลังแรก
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (3 พ.ค. 54) มีมติเห็นชอบโครงการบ้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก โดยมีวงเงินให้กู้ไม่เกินรายละ 3 ล้านบาท กำหนดวงเงินปล่อยกู้ตามโครงการไม่เกิน 25,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0% เป็นระยะเวลา 2 ปี ผ่อนชำระไม่เกิน 30 ปี โดยให้ธอส.เป็นผู้ดำเนินการ
- สศค.วิเคราะห์ว่า จากข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นปี 2553 การให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12.8 ของสินเชื่อทั้งหมด หรือมีจำนวน 1.09 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 13.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ข้อมูลการโอนกรรมสิท์ที่อยู่อาศัยทั้งหมด ในพื้นที่กรุงเทพฯ – ปริมณฑล ในช่วง 2 เดือนแรกปี 2554 เริ่มมีสัญญาณแผ่วลง โดยมีมูลค่าการโอนกรรมสิท์ที่อยู่อาศัยรวมประมาณ 36,700 ล้านบาท หดตัวร้อยละ -27.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้น หากการโครงการบ้าน ธอส. สามารถปล่อยกู้ได้ครบตามกรอบวงเงิน 25,000 ล้านบาท ในช่วง 2 ปี จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภาคอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี
2. มหาวิทยาลัยหอการค้า ประเมินปัจจัยเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจไทย
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยเสี่ยงกระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง ยังมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ราคาน้ำมันแพงเกิน 120-130 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อาจทำให้การเติบโตเศรษฐกิจไทยเติบโตเหลือเพียงร้อยละ 3.5 - 3.9 ลดลงจากเดิมที่จะขยายตัวร้อยละ 4 - 4.5 ขณะที่เงินเฟ้อจะเพิ่มร้อยละ 3.8 - 4.2 และการส่งออกลดเหลือร้อยละ 10.1 - 15.3
- สศค.วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยใน ปี 54 ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวเศรษฐกิจ เช่น การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การปรับเงินเดือนข้าราชการและค่าจ้างภาคเอกชน และการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยข้อมูลการส่งออก และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุดในเดือนมี.ค. 54 ขยายตัวร้อยละ 30.9 และ 22.2 ตามลำดับ ทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 54 จะขยายตัวได้ในช่วงร้อยละ 4.0 - 5.0 และอัตราเงินเฟ้อขยายตัวในช่วง 3.1 – 4.1
3. ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 4.75
- ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 4.75 เนื่องจากราคาสินค้าและอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากความเสียหายของภาคการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและพายุไซโคลนวาซี
- สศค. วิเคราะห์ว่า แม้ว่าในปี 53 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียสามารถเติบโตได้ร้อยละ 2.7 ต่อปี แต่ก็ต้องเผชิญกับปัญหาภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น (อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 53 อยู่ที่ร้อยละ 2.8 ต่อปี) ซึ่งส่งผลให้ธนาคารกลางต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 4.75 เมื่อเดือน พ.ย.53 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ด้านภาวะเงินเฟ้อของออสเตรเลียในปัจจุบันก็ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากราคาสินค้าในหมวดอาหารและเชื้อเพลิง โดยในไตรมาสแรกปี 54 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 5 ปี ที่ร้อยละ 3.3 ต่อปื
แต่จากปัจจัยการบริโภคในประเทศและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง รวมทั้งภาคการส่งออกที่สามารถขยายตัวได้ดีจากสินค้าอุตสาหกรรมเหมืองแร่เป็นสำคัญ ทำให้ สศค. คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียในปี 54 จะยังคงสามารถเติบโตได้ดีที่ร้อยละ 3.1 ต่อปี (คาดการณ์ ณ เดือน มี.ค.54)
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
Thailandindustrycom_official
