เนื้อหาวันที่ : 2011-05-03 09:50:29 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 684 views

เสียงสะท้อนจากคนทำงานและนายจ้าง

นายจ้างโยนพนักงานไม่ช่วยองค์กรประหยัด แต่กลับเรียกร้องเงินเดือนเพิ่ม ขณะที่คนทำงานวอนนายจ้างปฎิบัติอย่างเป็นธรรม

          เสียงสะท้อนจากคนทำงานและนายจ้าง จ็อบสตรีทดอทคอมชี้ผลสำรวจพบความต้องการสองฝ่ายยังสวนทาง นายจ้างโยนพนักงานไม่ช่วยองค์กรประหยัด แต่กลับเรียกร้องเงินเดือนเพิ่ม ขณะที่คนทำงานวอนนายจ้างปฎิบัติอย่างเป็นธรรม

          จ็อบสตรีทดอทคอม จัดทำผลสำรวจล่าสุดเรื่อง “เสียงสะท้อนจากคนทำงานถึงนายจ้าง” พบว่านายจ้างส่วนใหญ่เห็นว่ าพนักงานไม่ช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่าย ในขณะที่ลูกจ้างเรียกร้องขอเงินเดือนเพิ่ม รวมถึงการปฏิบัติที่เป็นธรรม

          นางสาวฐนาภรณ์ สถิตพันธุ์เวชา ผู้จัดการสาขาประเทศไทย บริษัท จ็อบสตรีท (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การสำรวจครั้งนี้ทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างลูกจ้างในบริษัทเอกชนจำนวน 1,800 คน และ กลุ่มตัวอย่างผู้ประกอบการจำนวน 260 บริษัทพบว่า คนทำงานนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องของ เงินเดือนและค่าตอบแทนทั้งในรูปของเงิน และสวัสดิการต่างๆ มาเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีถึง 52%ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด

รองลงมา 12% เป็นเรื่องของการปฏิบัติต่อลูกจ้างอย่างเป็นธรรม และ 7% ต้องการกำลังใจและคำชมจากนายจ้าง ในขณะที่นายจ้าง 41%ร้องขอให้ลูกจ้างช่วยกันใช้ทรัพยากรขององค์กรอย่างประหยัด เพื่อลดค่าใช้จ่ายของบริษัท 36% อยากให้ลูกจ้างขยันทำงานมากขึ้น และอีก 14% อยากมาทำงานตรงเวลาและลางานน้อยลง”

          จากการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2554 จัดทำโดย สำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า จำนวนของผู้ว่างงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2554มีจำนวนทั้งสิ้น 2.68 แสนคนซึ่งลดลง 1.15 แสนคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี2553 เนื่องจากเศรษฐกิจมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน จากการสำรวจของจ็อบสตรีทดอทคอมพบว่า ตัวเลขของคนที่ต้องการเปลี่ยนงานกลับเพิ่มสูงขึ้น โดยมีแนวโน้มการเปลี่ยนงานมากถึง 92%

          เมื่อถามถึงสาเหตุที่ทำให้ย้ายงาน 52% ของผู้ตอบแบบสำรวจให้เหตุผล ว่า ไม่พอใจกับเงินเดือน ซึ่งส่วนใหญ่ได้เงินเดือนเพียงพอในการใช้จ่ายแต่ละเดือนแต่ไม่เหลือเก็บ มีเพียง 8% เท่านั้นที่พอใจกับเงินเดือนปัจจุบัน นอกจากนี้ยังพบว่า23% ของผู้ที่ต้องการเปลี่ยนงานเป็นเพราะต้องการประสบการณ์ทำงานใหม่ๆ และ 13% ระบุว่าไม่พอใจเจ้านายสำหรับเหตุผลอื่น ได้แก่ งานที่ทำเครียดเกินไป ต้องการเวลามากขึ้น เป็นต้น

          ในส่วนของลูกจ้างที่ยังไม่ย้ายงานนั้น 18% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าสาเหตุที่ยังไม่เปลี่ยนงาน เนื่องจากยังหางานใหม่ไม่ได้ และ 13% พอใจสถานที่ทำงานซึ่งอยู่ใกล้บ้าน เหตุผลรองลงมาได้แก่ มีเพื่อนร่วมงานที่ดี, ชอบงานที่ทำอยู่, พอใจเงินเดือน, มีเจ้านายที่ดี เป็นต้น แต่ที่น่าสนใจคือมีจำนวนเพียง 2% ที่ให้เหตุผลในการทำงานที่เดิมว่ารักองค์องค์และพอใจกับวัฒนธรรมในองค์กร

           ในขณะที่ความต้องการของคนทำงานในฐานะลูกจ้างยังสวนทางกับความต้องการของนายจ้าง จ็อบสตรีทดอทคอมได้ทำการสำรวจเพิ่มเติมถึงทัศนคติของลูกจ้างที่มีต่อกระบวนการพิจารณาเพิ่มเงินเดือนหรือเลื่อนตำแหน่ง พบว่า ลูกจ้างส่วนใหญ่ยังคงมีทัศนคติที่ดี โดย 48% เชื่อมั่นว่า โอกาสในการเลื่อนตำแหน่งงานอยู่ที่ผลงานและความสามารถ อีก 18% เห็นว่า เป็นเพราะเชื่อฟังและทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และ 12% เห็นว่า ขึ้นอยู่กับอายุการทำงาน

          ในทางตรงกันข้ามยังมีอีก 17% ที่มีทัศนคติในด้านลบต่อการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง และเห็นว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการเลื่อนตำแหน่งนั้นขึ้นอยู่กับ ความสนิทสนมกับผู้บังคับบัญชา, การประจบเจ้านาย, การมีพวกพ้อง และขึ้นอยู่กับโชคชะตาฟ้าลิขิต ปัจจัยเรื่องวัยวุฒิและบุคลิกภาพ เป็นเรื่องที่ถูกอ้างถึงเป็นลำดับสุดท้าย
 
ในมุมมองของนายจ้าง ปัจจัยที่นำมาพิจารณาเพื่อเลื่อนตำแหน่งให้พนักงาน 5 อันดับแรก คือ
          1. พนักงานมีความรู้ความชำนาญในหน้าที่ที่รับผิดชอบเป็นอย่างดี 61.8%
          2. ดูจากผลการประเมินการปฏิบัติงานที่ผ่านมา 58.7%
          3. พนักงานมีศักยภาพในการทำงานมากกว่าตำแหน่งงานที่ทำอยู่ 52.1%
          4. ดูจากผลจากการพิจารณาและการยอมรับจากผู้บังคับบัญชา 43.6%
          5. พนักงานมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน 23.2%
 
          นอกจากนี้สิ่งที่นายจ้างเลือกนำมาพิจารณาเพื่อเพิ่มค่าตอบแทน ซึ่งหมายรวมถึงเงินเดือน โบนัส และสวัสดิการต่างๆ ให้กับพนักงานนั้น 91.1% ของผู้ตอบแบบสอบถาม พิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทในรอบปีลำดับที่สองคือพิจารณจากผลการปฏิบัติงานของพนักงานแต่ละคนในรอบปีอันดับ 3ดูจากผลการบรรลุเป้าหมายของฝ่าย/แผนกอันดับที่ 4.พิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้ออันดับที่ 5พิจารณาจากข้อมูลเปรียบเทียบการขึ้นค่าจ้างของบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน

           “งานสำรวจครั้งนี้ทำขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกจ้างได้แสดงออกถึงความต้องการ เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ซึ่งเป็นวันที่เราให้ความสำคัญกับแรงงานไทย ในการช่วยสะท้อนความต้องการของลูกจ้างเหล่านี้ ไปยังนายจ้าง ในขณะเดียวกันก็ได้นำเสนอมุมมองในส่วนของนายจ้าง เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างทั้งสองฝ่าย

ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่ายังมีความคิดที่อาจจะสวนทางกันอยู่หวังว่าผลสำรวจครั้งนี้จะช่วยสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง ซึ่งจะมีผลดีต่อการปรับทัศนคติในแง่บวกให้คนทำงาน และเพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนงานการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรต่างๆ ต่อไป” นางสาวฐนาภรณ์กล่าวเพิ่มเติม

ที่มา : จ็อบสตรีทดอทคอม