ในโลกธุรกิจเคมีอุตสาหกรรมได้มีการนำสารเคมีหลากหลายชนิด มาเป็นสินค้าเชิงพาณิชย์และหนึ่งในนั้นก็ คือ กรดซัลฟุริก ซึ่งจัดได้ว่าเป็นสารเคมีเชิงพาณิชย์ที่มีการซื้อขายกันมาก และสำคัญที่สุดอีกชนิดหนึ่งก็คือถูกนำมาใช้ในเกือบจะทุกกระบวนการงานอุตสาหกรรมทั้งทางตรงและทางอ้อม จนอาจจะพูดได้ว่าปริมาณการซื้อขายกรดซัลฟุริก ถือเป็นเครื่องวัดกิจกรรมโดยรวมของระบบเศรษฐกิจอีกอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ กรดซัลฟุริกมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถูกนำมาใช้ในกระบวนการผลิตของหลายภาคอุตสาหกรรม เช่น แกสโซลีน, แบตเตอรี, ไฟเบอร์สังเคราะห์, สีและสารสี, เภสัชกรรม, เคมีอุตสาหกรรม, ตัวกึ่งนำไฟฟ้าหรือความร้อน, พลาสติก, เยื่อกระดาษและกระดาษ, โลหะ, ปุ๋ยและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เป็นต้น
ในโลกธุรกิจเคมีอุตสาหกรรมได้มีการนำสารเคมีหลากหลายชนิด มาเป็นสินค้าเชิงพาณิชย์และหนึ่งในนั้นก็ คือ กรดซัลฟุริก ซึ่งจัดได้ว่าเป็นสารเคมีเชิงพาณิชย์ที่มีการซื้อขายกันมาก และสำคัญที่สุดอีกชนิดหนึ่งก็คือถูกนำมาใช้ในเกือบจะทุกกระบวนการงานอุตสาหกรรมทั้งทางตรงและทางอ้อม จนอาจจะพูดได้ว่าปริมาณการซื้อขายกรดซัลฟุริก ถือเป็นเครื่องวัดกิจกรรมโดยรวมของระบบเศรษฐกิจอีกอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ กรดซัลฟุริกมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถูกนำมาใช้ในกระบวนการผลิตของหลายภาคอุตสาหกรรม เช่น แกสโซลีน, แบตเตอรี, ไฟเบอร์สังเคราะห์, สีและสารสี, เภสัชกรรม, เคมีอุตสาหกรรม, ตัวกึ่งนำไฟฟ้าหรือความร้อน, พลาสติก, เยื่อกระดาษและกระดาษ, โลหะ, ปุ๋ยและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เป็นต้น |
. |
เมื่อดูรายการภาคอุตสาหกรรมที่นำกรดซัลฟุริกเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต ก็จะเห็นได้ชัดเจนว่ากรดชนิดนี้ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาคต่าง ๆ แต่สัจธรรมที่เรามักจะได้ยินเสมอ ๆ ก็คือ สิ่งใดก็ตามเมื่อมีคุณอนันต์ ก็ย่อมมีโทษมหันต์เช่นเดียวกัน ทำนองเดียวกับกรดซัลฟุริกนี่แหละ แต่เมื่อจำเป็นต้องใช้งาน ก็ควรจะต้องรู้จักวิธีการใช้งานอย่างถูกต้องและปลอดภัย รวมทั้งรู้จักวิธีหลีกเลี่ยงและป้องกันอันตรายด้วยเช่นเดียวกัน |
. |
ก่อนที่จะไปว่ากันถึงเรื่องวิธีการใช้งาน เราลองมาทำความรู้จักกับเจ้ากรดกรดซัลฟุริกกันซักเล็กน้อยดีกว่า แต่ถ้าใครรู้จักเป็นอย่างดีแล้ว จะข้ามส่วนนี้ไปเพื่อความประหยัดเวลาก็ไม่ว่ากัน |
. |
สมบัติทางกายภาพและเคมี - สูตรโมเลกุล (Molecular formula) H2SO4 - สถานะ (
- น้ำหนักโมเลกุล (Molecular weight) 98.1 g/mol - กลิ่น (Odor) ไม่มีกลิ่น - ความหนาแน่น (Density) 1.84 g/mol @ 15°C - สี (Color) ไม่มีสี - จุดเดือด (Boiling point) 315°C (260°F) - สารไวไฟ (Flamable) ไม่ไวไฟ - จุดหลอมเหลว (Melting point) 3°C (37°F) - ความหนาแน่นไอ [Vapor Density (Air=1)] 3.4 - ความถ่วงจำเพาะ [Specific Gravity (Water=1)] 1.3 – 1.4 - ความดันไอ (Vapor pressure) 1 @ 145.8°C (295°F) - ความสามารถละลายในน้ำ (Solubility in water) ละลายในน้ำได้ 100 % |
. |
เสถียรภาพและการทำปฏิกิริยา เสถียรเมื่อใช้และเก็บรักษาในสภาวะปกติ แต่สารละลายเข้มข้นสามารถทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำได้ และควรหลีกเลี่ยงการเก็บกรดซัลฟุริกไว้ในสภาวะอุณหภูมิสูงเกินกว่า 150°F |
การเกิดสารโพลีเมอร์อันตราย ไม่ปรากฏ การสลายตัวเกิดสารอันตราย เกิดไอ และสารพิษ ได้แก่ ซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ ( SO3 ) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ( SO2 ) คาร์บอนมอนอกไซด์ ( CO ) และกรดฟุมมิ่งซัลฟุริก ( Sulfuric acid fumes : อาจเรียกว่า Oluim คือสารละลายของก๊าซ SO3 ในกรดซัลฟุริก มีสูตร xH2SO4+ySO3 เกิดขึ้นโดยการผ่านก๊าซSO3 ทำปฏิกิริยากับ H2SO4 เข้มข้น โดยกรดฟุมมิ่งซัลฟุริกจะไม่มีน้ำปะปนอยู่ ) |
สารที่เข้ากันไม่ได้ สัมผัสกับสารอินทรีย์ (อาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้และการระเบิด ) สารไวไฟ ตัวรีดิวซ์แก่, ตัวออกซิไดซ์แก่, น้ำ, เบสแก่, โลหะอัลคาไลน์, โปแทสเซียมคลอเรต, โปแทสเซียมเปอร์มังกาเนต, โซเดียม, ลิเธียม, ฮาโลเจน, ออกไซด์และไฮดราย โลหะ (เมื่อทำปฏิกิริยาจะเกิดออกไซด์ของกำมะถันและไฮโดรเจน ) เป็นต้น สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง ความร้อน ความชื้น และสารที่เข้ากันไม่ได้ การใช้ประโยชน์ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา สารละลายอิเลกโตรไลต์ ใช้ในการชะล้างถ่านหิน เป็นตัวแลกเปลี่ยนอิออน ฯลฯ กรดซัลฟุริกที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ ส่วนมากอยู่ในสภาพของน้ำมัน และของเหลวกัดกร่อน โดยมีการไล่สีตั้งแต่ไม่มีสีจนถึงสีเหลืองอ่อน ๆ และมีลักษณะใสจนถึงขุ่นมัว ผลกระทบต่อสุขภาพเมื่อสัมผัส กรดซัลฟุริกซึ่งมีสมบัติหลากหลายของสภาพความเป็นกรด การทำปฏิกิริยาและการกัดกร่อน โดยในการใช้งาน สามารถที่จะทำอันตรายต่อผู้สัมผัสได้ ตั้งแต่อาการบาดเจ็บเล็กน้อยจนถึงสาหัส และบางครั้งร้ายแรงจนถึงตายได้ ช่องทางในการสัมผัส กรดซัลฟุริกสามารถที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อทุกส่วนของร่างกาย ถ้าสัมผัสโดยตรง สูดดม หรือดื่มกินเข้าไป |
. |
อาการที่เกิดขึ้นหากสัมผัสโดยตรง |
- ผิวหนัง ระคายเคืองอย่างรุนแรง ผิวหนังไหม้ ปวดแสบปวดร้อน และเกิดแผลพุพอง - ดวงตา การสัมผัสโดยตรงกับของเหลว ไอ หรือหมอกควัน ของกรดซัลฟุริก จะทำให้ดวงตาระคายเคือง พล่ามัว ปวดแสบปวดร้อน น้ำตาไหล ตาแดง บวม กระจกตา เสียหาย และกรอกตาไปมาไม่ได้ ถ้าหากโดนดวงตามาก ๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการไหม้อย่างสาหัสจนถึงตาบอดได้ - การสูดดม การสูดดมเอาไอหรือหมอกควันของกรดซัลฟุริก ซึ่งมีฤิทธิ์กัดกร่อนสูง จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อที่เป็นเมือก เกิดการระคายเคืองไหม้อย่างรุนแรงของจมูก ลำคอ และระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีอาการน้ำท่วมปอด เจ็บคอ หายใจติดขัด และหายใจถี่รัว การหายใจเอาสารที่มีความเข้มข้นสูงอาจทำให้เสียชีวิตได้ - การกินหรือกลืนเข้าไป เกิดอาการระคายเคืองและไหม้ ของจมูก ลำคอ หลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง การไหลเวียนของเลือดล้มเหลว ผิวหนังเย็นชืด หายใจติดขัด ปัสสาวะน้อย เกิดอาการช็อคและเสียชีวิตได้ |
. |
ผลกระทบจากการสัมผัสเป็นเวลานาน |
- เฉียบพลัน ระคายเคืองผิวหนังอย่างรุนแรง กระจกตาเสียหาย ระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจส่วนบน - เรื้อรัง กัดกร่อนเคลือบฟัน เกิดอาการอักเสบของจมูก ลำคอ หลอดลม ปอด |
. |
ถ้าสูดดมเข้าไปมากเกินกำหนด ให้รีบนำผู้ป่วยไปยังที่อากาศบริสุทธ์และถ่ายเท กรณีที่ผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย รักษาร่างกายของผู้ป่วยให้อบอุ่นและอยู่นิ่ง แล้วรีบนำส่งแพทย์ทันที |
. |
การกินหรือกลืนเข้าไป ถ้ากินหรือกลืนเข้าไป กรณีที่ผู้ป่วยยังมีสติสัมปชัญญะ อย่ากระตุ้นให้อาเจียน ให้ผู้ป่วยบ้วนล้างปากด้วยน้ำ ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ 200 – 300 มิลลิลิตร หรือให้ดื่มน้ำปูนใส [ lime water: สารละลายแคลเซียมไฮดรอกไซด์ Ca(OH2)(aq) ] หรือดื่มน้ำนมแมกนีเซีย ( ยาถ่ายน้ำขาว ) [ milk of magnesia : สารแขวนลอยของแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ Mg(OH)2 ในน้ำมีลักษณะขาวขุ่นใช้เป็นยาถ่ายท้อง ( laxative ) ] ห้ามให้ยากระตุ้นการอาเจียน ( emetics ) หรือผงฟู [ baking soda :โซเดียมไบคาร์บอเนตหรือโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต ( NaHCO3 ) ] รีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ ส่วนกรณีการรักษาอื่นๆ อยู่ในการวินิจฉัยของแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง อาการเกี่ยวกับปอดบวมอักเสบ บางทีอาจจะมีขึ้น |
. |
การใช้และการเก็บรักษา |
5.เมื่อมีการซ่อมแซมถังเก็บควรจะกระทำในขณะที่ถังปราศจากสารเคมี โดยต้องมีการไล่อากาศก่อนที่จะมีการซ่อมแซมถัง เพื่อที่จะไม่ให้เกิดก๊าซไฮโดรเจนที่จะทำให้ติดไฟได้ โดยเมื่อช่องคนลอดถูกเปิดออก ให้ใช้เครื่องเป่าลมหรือเครื่องอัดอากาศทั้งก่อนและระหว่างทำการเชื่อม ควรที่จะมีเครื่องวัดสภาพอากาศที่เป็นอยู่ทั้งก่อนและระหว่างทำการเชื่อม เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าไอ อยู่ในขีดต่ำที่จะทำให้เกิดการเผาไหม้ได้ เมื่อทำการซ่อมแซมภายในถังเสร็จแล้ว ควรมีการไล่อากาศอีกครั้ง
6.ปลั๊กอุดวาล์วภายในถังเก็บ ควรเป็นพอร์ชเลน ส่วนท่อ ควรเป็นเหล็กกล้าและเสริมโครงสร้างด้วยโพลีโพรพีลีน เพื่อที่จะช่วยลดการก่อตัวของตะกอนเหล็กซัลเฟต ขึ้นภายในถัง 7.ควรมีการเลือกใช้เครื่องมือวัดที่มีประสิทธิภาพในการวัดจำนวนกรดซัลฟุริกในถังเก็บ ซึ่งเครื่องมือวัดมีหลายชนิด ได้แก่ เครื่องวัดมาโนมิเตอร์เครื่องวัดแรงเครียดพร้อมตัวตัวแสดงผล อิเล็คโทรนิคเซ็นเซอร์ หรือบางครั้งที่ตัวถังเก็บเองก็มีมาตรสเกลบอก 8.ถังเก็บควรจะมีทางเดินด้านบนที่เป็นเหล็กกล้า เพื่อใช้สำหรับพนักงานที่จำเป็นต้องขึ้นไปบนถังเก็บ 9.เมื่อทำงานใกล้ถังเก็บหรือเปิดถังเก็บ ควรใช้อุปกรณ์ทำงานที่ไม่ก่อให้เกิดประกายไฟและแสง ห้ามสูบบุหรี่ 12.ควรจะปูพื้นด้วยหินปูนหรือวัสดุที่มีโครงสร้างเป็นคอนกรีต หรือวัสดุใกล้เคียงและอาจเสริมโครงสร้างวัสดุด้วยโพลีโพรพีลีนหรือเคลือบด้วยโพลีเอสเตอร์วัสดุที่ใช้ควรต้านทานต่อกรดหรือทำให้สารเคมีที่หกรั่วไหลเล็กน้อยมีสภาพเป็นกลางได้ และสามารถที่จะระบายน้ำที่ขังออกได้ง่าย 14.ถังเก็บแม้ว่าจะเป็นถังเปล่า แต่ถ้ายังคงเหลือเศษเพียงเล็กน้อยของไอ และของเหลวของกรดซัลฟุริก ก็ถือว่ายังอันตรายอยู่ ดังนั้น ควรเพิ่มความระมัดระวังและไม่ประมาท |
. |
. |
- กรณีเกิดไฟไหม้จากการใช้กรดซัลฟุริกและมาตรการดับไฟ สาเหตุของการเกิดไฟไหม้ เนื่องจากกรดซัลฟุริกเข้มข้นจะเป็นตัวขจัดน้ำ คือ สามารถที่จะดึงน้ำออกจากสารอื่น ๆ ได้ และเมื่อทำปฏิกิริยากับสารอินทรีย์ ก็ก่อให้เกิดการจุดติดไฟขึ้นได้ - สาเหตุของการระเบิด สัมผัสกับโลหะแล้วเกิดกาซไฮโดรเจนขึ้นทำให้เกิดการระเบิดได้ - สารดับเพลิง ผงเคมีแห้ง โฟมดับไฟ หรือคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 ) วัสดุชุ่มน้ำ เช่น ถุงกระสอบชุบน้ำ แต่อย่าใช้น้ำฉีดพ่นไปที่กรด - กรณีหกหรือรั่วไหล ควรกั้นบริเวณสารหกแยกออกจากบริเวณอื่น จากนั้นหยุดการไหลของสาร แล้วให้ดูดซับสารที่หกหรือรั่วไหลด้วยทรายที่แห้ง ดิน สารอนินทรีย์ หรือทำให้เป็นกลางโดยโซดาแอซ โซเดียมไบคาร์บอเนต ปูนดิบ อย่าใช้วัสดุที่ไหม้ไฟได้ เช่น ขี้เลื่อย เก็บส่วนที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิดเพื่อนำไปกำจัด ล้างบริเวณสารหกรั่วไหลหลังจากสารเคมีถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว ป้องกันไม่ให้สารเคมีที่หกรั่วไหล ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ แม่น้ำ และแหล่งน้ำอื่น ๆ ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสม |
. |
การกำจัดของเสีย เก็บของเสียไว้ในถังบรรจุของเสียปิดให้มิดชิด แล้วปฏิบัติตามกฏระเบียบที่ทางราชการกำหนด |
1.กระบังป้องกันใบหน้าแบบเต็มส่วนหมวกนิรภัย แว่นตาและถุงมือจะต้องถูกใช้ทุกครั้งเมื่อปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้กรดซัลฟุริก ห้ามใช้คอนแทคเลนส์เมื่อใช้งานกรดซัลฟุริก |
2. การเลือกประเภทถุงมือ แนะนำให้ใช้ถุงมือที่ทำมาจากวัสดุประเภท Laminated film ซึ่งควรมีระยะเวลาที่จะทำให้เกิดการซึมผ่านผนังของถุงมือ มากกว่า 480 นาที และควรมีอัตราการเสื่อมสภาพของถุงมือ อยู่ในระดับต่ำ และไม่แนะนำให้ใช้ถุงมือที่ทำมาจากวัสดุประเภท Nitrile , Supported Polyvinyl Alcohol, Natural Rubber, Neoprene/Natural Rubber Blend ถุงมือควรมีการตรวจสอบก่อนที่จะใช้ ถ้าคาดว่าถุงมือจะเสียหาย แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ให้ใช้วิธีการตรวจสอบโดยการใช้แรงดันลม เมื่อสวมเสื้อคลุมชุดป้องกันอันตราย ให้ใช้แขนเสื้อคลุมถุงมือในส่วนข้อมือด้วย แต่ถ้าต้องทำงานในลักษณะเอื้อมมือเหนือศีรษะ อาจเป็นไปได้ที่ละอองของกรดจะเข้ามาทางแขนเสื้อ ดังนั้น จะเป็นการดีมากกว่าถ้าเอาแขนเสื้อเข้าไปในถุงมือ |
3.สำหรับพนักงานที่ต้องทำงานในการขนถ่ายสารเคมีจากรถ ต้องใส่ชุดป้องกันเต็มรูปแบบ คือ สวมใส่แว่นตา แล้วสวมกระบังป้องกันใบหน้าแบบเต็มส่วน หมวกนิรภัย ถุงเท้า ถุงมือ เสื้อคลุมและกางเกง ส่วนบนของรองเท้าควรถูกคลุมด้วยขากางเกง |
. |
ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ |
- กรณีที่สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 15 mg/m3 |
1.ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจประเภทที่ใช้การส่งอากาศสำหรับการหายใจ ซึ่งมีอัตราการไหล ของอากาศแบบต่อเนื่อง พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25 หรือ APF. = 50 2.ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ ซึ่งมี Cartridge สำหรับป้องกันก๊าซของสาร จำพวกกรด และอุปกรณ์กรองอนุภาคประสิทธิภาพสูง พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25 หรือ APF. = 50 3.ใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า พร้อม Cartridge สำหรับป้องกันก๊าซของสารจำพวกกรด และอุปกรณ์กรองอนุภาคประสิทธิภาพสูง โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 4.ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัวพร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่าAPF. = 50 |
. |
ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เมื่อการเข้าไปสัมผัสกับสารที่ไม่ทราบช่วงความเข้มข้น หรือการเข้าไปในบริเวณที่มี สภาวะอากาศที่เป็น IDLH |
1.ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัวพร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 2.ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 |
. |
- ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน |
1.ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมี Canistridge สำหรับป้องกันก๊าซของสารจำพวกกรด และอุปกรณ์กรองอนุภาคประสิทธิภาพสูง 2. ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF.=50 3.ชุดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ควรที่จะมีการชะล้างทำความสะอาดหลังจากใช้งาน และควรทำให้อยู่ในสภาพเป็นกลาง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีรูรั่วหรือรอยฉีกขาด การบำรุงรักษาชุดและอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าได้มีการเตรียมพร้อมเสมอ ในยามที่ต้องใช้หรือแม้กระทั่งเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน 4. ชุดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เลือก ควรคำนึงถึงน้ำหนักและการซึมผ่านของสารเคมี มีการระบายความร้อนที่ดี และควรมีการจัดหาเพิ่มเนื่องจากจะมีอัตราการหมุนเวียนกันใช้ เช่น ชุดคลุม ในปริมาณที่สูงขึ้นในช่วงที่อากาศร้อน 5.ในสถานที่มีการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับกรดซัลฟุริกที่มีความเข้มข้นสูง ต้องมีสถานที่เตรียมไว้สำหรับการล้างตา มีฝักบัวฉุกเฉิน และมีน้ำจำนวนไม่จำกัด อุณหภูมิของน้ำ ควรจะอยู่ประมาณ 27°C (80°F) โดยน้ำที่ออกจากฝักบัวควรจะเป็นสายที่ต่อเนื่องไม่ใช่ฝอยเอื่อย ๆ และทางเดินที่จะเข้าไปใช้ต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง สังเกตได้ง่าย และต้องมีการประชาสัมพันธ์หรือติดป้ายให้พนักงานได้รับทราบ และต้องมีการทดสอบทุก ๆ สัปดาห์ เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานทุกเมื่อ 5.ติดป้ายเตือนในบริเวณที่มีถังเก็บกรดซัลฟุริกไว้ เช่น อันตรายจากถังบรรจุกรดซัลฟุริก วัตถุเป็นพิษทำให้เกิดอาการไหม้อย่างรุนแรงได้ เป็นต้น 7.ฝึกนิสัยการทำงานและสุขอนามัย ให้แก่พนักงาน โดยให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสและการสูดดมหมอกควันกรดซัลฟุริก ไม่กิน ดื่ม หรือสูบบุหรี่ในสถานที่ปฏิบัติงาน ล้างมือ แขน ก่อนที่จะรับประทานอาหาร หรือใช้ห้องพัก |
. |
การขนส่ง ชื่อที่ใช้ในการขนส่ง คือ Sulfuric acid เป็นสารประเภทอันตราย 8 โดยมีรหัสว่า UN/ID No. : 1830จัดเป็นสารประเภทกัดกร่อน : Corrosive ซึ่งมีการขนส่งมี 2 ประเภท ดังนี้ |
. |
- ใช้รถที่มีถังบรรจุในตัว |
1.ใช้ในการบรรจุสารเคมีไม่เกิน 13,000 gallon (50.3 m3) เป็นรถที่มีถังบรรจุที่มีโครงสร้างเป็นเหล็กกล้า ถังเก็บที่ใช้เก็บสารเคมีสำหรับถ่ายเทใส่รถ ควรมีขนาดเท่ากันหรือเท่าครึ่ง หรือบรรจุสารเคมีให้เพียงพอสำหรับ 10 วัน 2.สายยางที่ใช้สำหรับถ่ายเทสารเคมีควรถูกเสริมโครงสร้างให้แข็งแรงด้วยเส้นใยTFE (Polytetrafluoroethylene) ซึ่งมีคุณสมบัติเฉื่อยต่อสารเคมีและตัวทำละลายเป็นพิเศษ ทนทานต่อความร้อน มีความเหนียว เป็นฉนวนไฟฟ้าได้ดี และสายยางควรจะมีวาล์ว ซึ่งติดถาวรกับท่อที่ใช้ในการถ่ายเทสารเคมี เมื่อจะใช้ควรตรวจสอบอัตราแรงดัน ให้สัมพันธ์กับแรงดันของระบบจัดเก็บ 3.ถังที่จะใช้บรรจุกรดซัลฟุริก ควรจะสะอาดและอัดอากาศแห้ง เพื่อที่จะพร้อมสำหรับการขนส่ง การอัดอากาศควรจะมีอัตราการไหลของอากาศประมาณ 1,015 cfm (0.0047 – 0.0071 m3/s) แรงดันอากาศไม่ควรเกิน 30 psig (207 kPa) เมื่อทำการถ่ายเทสารเคมี ควรมีป้ายหรือสัญลักษณ์บอกหรือแจ้งให้ผู้ที่อยู่ใกล้ได้ทราบ 4.รูระบายอากาศเมื่อเริ่มที่จะทำการถ่ายเทสารเคมี ต้องค่อย ๆ หมุนรูระบายอากาศอย่างช้า ๆ เพื่อที่จะระบายแรงดันภายในออก ควรจะพิจารณาเป็นพิเศษในกรณีที่อยู่ในสภาวะอากาศร้อน แรงดันที่สูงขึ้นอาจก่อให้เกิดสารไวไฟก๊าซไอโดรเจน และ/หรือ SO3 และ SO3 fume ถ้าแรงดันถูกระบายอย่างรีบร้อน จะก่อให้เกิดอันตรายจากละอองของกรดที่ติดออกมากับอากาศที่เล็ดลอดออกมา 5.ค่อย ๆ ปรับแรงดันอากาศอย่างช้า ๆ จนกระทั่งกรดได้ไหลเข้าไปยังถังเก็บหลังจากนั้นปรับแรงดันอากาศเพื่อรักษาสภาพการไหลให้คงที่ จนกระทั่งถ่ายเทกรดหมด 6.เครื่องมือทุกชิ้น ควรจะทำความสะอาด ทำให้อยู่ในสภาพเป็นกลาง เก็บไว้พร้อมที่จะใช้งานครั้งต่อไป ทุก ๆ หยดของสารเคมีจากการถ่ายเทที่ติดอยู่ตามจุดเชื่อมต่อต่าง ๆ ต้องถูกทำให้อยู่ในสภาพเป็นกลาง รวมถึงถัง ที่ยืนและตัวรถต้องถูกทำความสะอาดด้วยเช่นกัน |
. |
- การขนส่งโดยใช้ถังใหญ่ |
1.กรดซัลฟุริกจะถูกขนส่งในถังที่ทำด้วยเหล็กกล้าที่สามารถบรรจุได้ถึง 3,000 gallon (11.4 m3) ขึ้นอยู่กับกฏหมายเกี่ยวกับการขนส่งในแต่ละประเทศที่จะอนุโลมให้น้ำหนักบรรทุกวิ่งบนถนนได้เท่าไร ถังเก็บควรมีขนาดบรรจุอย่างน้อย 5,000 gallon (18.9 m3) หรือเพียงพอสำหรับ 10 วัน 2.เป็นเรื่องปกติที่คนขับรถต้องใส่ชุดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ควรถูกฝึกมาโดยเฉพาะสำหรับการขนถ่ายสารเคมี รู้จักใช้จุดเชื่อมต่อ ต่าง ๆ สำหรับถ่ายเทสารเคมีและความดัน และสามารถใช้เครื่องอัดลมที่ติดตั้งในตัวได้ ส่วนแรงดันที่ใช้ในการถ่ายเทต้องไม่เกิน 30 psig (207 kPa)พึงระลึกอยู่เสมอในเรื่องของความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียหายตามมาภายหลัง |
. |
กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 1650 หรือหากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อกองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร. 0-2298-2447, 0-2298-2457 |
. |
เอกสารอ้างอิง |
- MSDS,Sulfuirc acid:Mallinckrodt Baker - Recommendations For The Storages And Handling Of Commercial Sulfuric Acid ;General Chemical Corporation - เอกสารข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ (MSDS) :กรดซัลฟุริก โดยกรมควบคุมมลพิษ |