เนื้อหาวันที่ : 2011-04-27 13:48:47 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2100 views

ผุดฟาร์มไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 25 สนามฟุตบอล

คอนเนอร์ยี เอจี จับมือแอนเน็กซ์ พาวเวอร์ สร้างฟาร์มผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แห่งที่สามขนาด 12.4 เมกกะวัตต์บนพื้นที่เทียบเท่ากับสนามฟุตบอล 25 สนาม

คอนเนอร์ยี เอจี จับมือแอนเน็กซ์ พาวเวอร์ สร้างฟาร์มผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แห่งที่สามขนาด 12.4 เมกกะวัตต์บนพื้นที่เทียบเท่ากับสนามฟุตบอล 25 สนาม

คอนเนอร์ยีและแอนเน็กซ์ พาวเวอร์ สร้างฟาร์มผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รวมกำลังการผลิต 12.4 เมกกะวัตต์ ในไทย นับเป็นฟาร์มที่สามในไทยในรอบ 12 เดือน รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้น 18 เมกกะวัตต์ต่อปีฟาร์มสองในสามแห่งใช้ระบบและเทคโนโลยีของคอนเนอร์ยีทั้งหมด ขณะที่หน่วยงานด้านพลังงานของไทยคาดปีนี้พลังงานหมุนเวียนเติบโตร้อยละ 12-14

คอนเนอร์ยี เอจี (Conergy AG) เปิดเผยว่า    บริษัทฯ ได้ร่วมกับ บริษัท แอนเน็กซ์ พาวเวอร์ (Annex Power) หุ้นส่วนในประเทศไทย ดำเนินการก่อสร้างฟาร์มผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งที่สองและสามในประเทศไทย บนพื้นที่ 268,500 ตารางเมตร หรือเทียบเท่ากับสนามฟุตบอลจำนวน 25 สนาม บริเวณพื้นที่อำเภอบางเลนในจังหวัดนครปฐม โดยฟาร์มทั้งสองแห่งนี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 12.4 เมกกะวัตต์

ก้าวสำคัญของคอนเนอร์ยีในเอเชีย: นักลงทุนให้ความสนใจต่อเนื่อง
การสร้างฟาร์มผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งสองแห่งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญและเป็นการต่อยอดความสำเร็จของคอนเนอร์ยีในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีความอ่อนไหวในเรื่องราคาสูง หลังจากประสบผลสำเร็จในการสร้างฟาร์มผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรก ในจังหวัดอยุธยาให้กับกลุ่มโซลาร์ต้า (Solarta)

ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันของกลุ่มยันฮีและบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี ทางกลุ่มโซลาร์ต้าได้ให้ความไว้วางใจ และมีความสนใจที่จะลงทุนต่อเนื่อง โดยฟาร์มที่จะสร้างใหม่ทั้งสองแห่งนี้ หลังการก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีกำลังการผลิตมากกว่าฟาร์มแห่งแรกถึงกว่า สี่เท่า

อย่างไรก็ตามขนาดไม่ได้บ่งบอกทุกสิ่ง ฟาร์มผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งใหม่นี้จะเน้นไปที่คุณภาพและประสิทธิภาพในการผลิต โดยการใช้แผงเซลส์แสงอาทิตย์รุ่น PowerPlus Premium ของคอนเนอร์ยีจำนวน 56,000 แผง ติดตั้งประกอบบนโครงสร้างที่ออกแบบและผลิตโดยคอนเนอร์ยี วางเป็นแนวยาวรวมถึง 56 กิโลเมตร เพื่อให้ได้เกิดประสิทธิผลสูงสุด และใช้เครื่องแปลงไฟฟ้าของคอนเนอร์ยี (Conergy Inverter) รุ่น IPG 15T มากกว่า 200 เครื่องสำหรับฟาร์มที่สอง และ IPG 300C จำนวน 25 เครื่องสำหรับฟาร์มที่สาม

โดยจะสามารถผลิตพลังงานสะอาดจำนวน 19,500    เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และจ่ายพลังงานไฟฟ้าสู่สายส่งไฟฟ้าในท้องถิ่นเพื่อกระจายให้ประชาชนมากกว่า 7,700 ครัวเรือน ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 11,500 ตันต่อปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของพลังงานแสงอาทิตย์ในการเป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าที่สะอาด ปลอดภัย และไว้วางใจได้ ในโครงการขนาดใหญ่

ไทยกำลังเดินหน้าสู่อนาคตที่พลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาแทนที่พลังงานจากฟอสซิลหรือนิวเคลียร์
การหันเหความสนใจมายังพลังงานสะอาดกำลังเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ได้กำหนดให้ปีนี้เป็นปีทองของพลังงานหมุนเวียนและ    กล่าวว่า ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากอาจส่งผลให้การผลิตพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 12-14 โดยพลังงานแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่น่าสนใจที่สุด

กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานได้ประกาศว่า ในอนาคตอาจขยายนโยบายการสนับสนุนด้านเงินทุน ที่ปัจจุบันมีการจ่ายส่วนเพิ่มราคารับซื้อให้แก่ฟาร์มผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ ไปสู่โครงการขนาดเล็ก เช่น การผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร เพื่อผลักดันให้เกิดการผลิตและพัฒนาพลังงานสะอาดประเภทนี้อย่างต่อเนื่อง

นายแพทย์ สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยันฮี  โซลาร์ จำกัด ในฐานะนักลงทุนที่มองเห็นศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์ของประเทศไทย กล่าวว่า “วิกฤติโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นขณะนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า เรามาถูกทางและตัดสินใจถูกต้องที่เพิ่มการลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์

ผมรู้สึกดีใจที่การลงทุนของเราสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ สิ่งแวดล้อม และโลกได้ ไม่เพียงเท่านั้น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ยังให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนด้วย โดยเฉพาะถ้าได้ทีมงานที่มีศักยภาพสูง

ซึ่งโครงการแรกที่เราพัฒนา เราได้ร่วมงานกับคอนเนอร์ยีและแอนเน็กซ์  พาวเวอร์ และทั้งสองบริษัทมีผลงานเป็นที่น่าพอใจ ไม่ว่าด้านคุณภาพ การส่งมอบงาน และความคุ้มค่า เพราะทั้งสองบริษัทมีเทคโนโลยี และบุคลากรที่เชี่ยวชาญ จึงทำให้งานมีคุณภาพมาก นับตั้งแต่การออกแบบระบบ จนถึงงานก่อสร้างที่สามารถทำแล้วเสร็จตรงตามเวลาเป็นอย่างดี”

นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนชั้นนำของไทย ให้ความเห็นว่า “บริษัทฯ ได้ลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยหลายโครงการ ด้วยมุ่งหวังที่จะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตไฟฟ้าและเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ นอกเหนือจากการลดภาวะโลกร้อน

ที่สำคัญเรายังกำหนดให้ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของเรา เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนมากขึ้น โดยเรามีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 100 เมกะวัตต์ภายในปี 2559

ปัจจุบันเราได้ร่วมลงทุนกับบริษัท โซลาร์ต้า พัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 8 โครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ไทรประปา และโครงการไทรย้อย ในจังหวัดนครปฐมด้วย เราเชื่อมั่นว่า ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของคอนเนอร์ยีและแอนเน็กซ์ในด้านพลังงานแสงอาทิตย์จะช่วยให้ทั้งสองโครงการสำเร็จตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน”

“เรามีความยินดี และรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้”           มร. แดเนียล แกฟคี กรรมการผู้จัดการของแอนเน็กซ์ พาวเวอร์ กล่าว “ความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าที่เราได้รับจากการพัฒนาโครงการต่างๆ จะทำให้เรามีโครงการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”

มั่นใจในผลผลิตด้วยระบบรับประกันคุณภาพ
โครงการฟาร์มผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 12.4 เมกกะวัตต์นี้ นอกจากจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพของคอนเนอร์ยีแล้ว ยังได้รับการบริการรับประกันผลผลิตของคอนเนอร์ยีเพิ่มเติมอีกด้วย “แม้ในตลาดที่เน้นการแข่งขันด้านราคาอย่างในภูมิภาคเอเชียก็เริ่มให้ความสำคัญกับคุณภาพเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ   คอนเนอร์ยีไม่ได้ขายเพียงแค่ผลิตภัณฑ์แต่เรามีบริการเสริมที่ครอบคลุม

ได้แก่การรับประกันคุณภาพผลผลิต หรือรายได้ โดยร่วมกับบริษัทประกันภัยรับประกันผลผลิตสูงสุดถึงร้อยละ 90 ในระยะเวลาสูงถึง 10 ปี ซึ่งก่อนหน้าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในภูมิภาคเอเชีย จึงนับเป็นเรื่องใหม่ที่สำคัญ เป็นการเพิ่มความมั่นคงให้กับการลงทุน” มร. อเล็กซานเดอร์ เลนซ์ ประธานของคอนเนอร์ยี เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลางกล่าว