สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านชี้ภาพรวมไตรมาสแรกสอบผ่าน ตัวเลขบ้านสร้างเอง ม.ค.- ก.พ. เติบโต 7.5% คาดตลาดไตรมาส 2 กำลังซื้อยังมีอยู่สูง
นายวิบูล จันทรดิลกรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านชี้ภาพรวมไตรมาสแรกสอบผ่าน ตัวเลขบ้านสร้างเอง ม.ค.- ก.พ. เติบโต 7.5% คาดตลาดไตรมาส 2 กำลังซื้อยังมีอยู่สูง หลังผลสำรวจล่าสุดพบลูกค้ามีแนวโน้มการปลูกสร้างบ้าน ในระยะเวลา 3-6 เดือนเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่บ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทยังมีปริมาณ ความต้องการมากที่สุด เผยระวังปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ ทั้งภาวะเศรษฐกิจในภาพรวม การเมือง และอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สมาคมฯ เร่งช่วยสมาชิกรวมตัวซื้อวัสดุก่อสร้างช่วยลดต้นทุน
นายวิบูล จันทรดิลกรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ถึงแม้ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วง ไตรมาสแรก ปี 2554 มีปัจจัยลบต่างๆ เกิดขึ้นหลายอย่างทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ นับตั้งแต่ปัจจัยทางด้านอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อในประเทศที่ปรับสูงขึ้น การต่อสู้ระหว่างประชาชนและรัฐบาล ในประเทศแถบตะวันออกกลาง ทำให้เกิดความกังวลว่าวิกฤตราคาน้ำมันในตลาดโลกจะกลับมาอีกครั้ง
แต่สถานการณ์ธุรกิจรับสร้างบ้านโดยรวมในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ เนื่องจากรับสร้างบ้านเป็นธุรกิจที่ไม่ได้อ่อนไหวหรือปรับตัวขึ้นลงหวือหวาตามภาวะเศรษฐกิจมากนัก ดังจะเห็นได้ จากงานรับสร้างบ้านโฟกัสที่ผ่านมา มีมูลค่ายอดขายจองปลูกสร้างบ้านในงานใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
ทั้งนี้จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุว่า ในจำนวนบ้านสร้างเสร็จ จดทะเบียนที่ประชาชนสร้างเองเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2554 จำนวน 3,848 หน่วย หากแบ่งแยกเฉพาะ“บ้านเดี่ยว ที่ประชาชนสร้างเองพบว่ามีจำนวนทั้งหมด 3,402 หน่วย เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2553 หรือช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.5% หรือจำนวน 240 หน่วย
ซึ่งเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่าบ้านสร้างเสร็จจดทะเบียนช่วง 2 เดือนแรกปี 2554 ประเภทบ้านเดี่ยวที่ประชาชนสร้างเองยังมีอัตราเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ในส่วนของสมาชิกสมาคมฯ เองมีตัวเลขยอดขายโดยรวมถือว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยคาดว่าตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไปกำลังซื้อน่าจะเริ่มกลับเข้ามาเพิ่มขึ้น
“ไตรมาสแรกปีนี้มีปัจจัยที่มีผลกระทบหลายเรื่องแต่ธุรกิจรับสร้างบ้านก็ยังพอจะเติบโตได้ โดยเฉพาะหลังจากผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ บรรยากาศการปลูกสร้างบ้านน่าจะกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง เนื่องจาก มีปัจจัยที่เอื้อต่อการปลูกสร้างบ้านในช่วงนี้ ได้แก่ ราคาบ้านที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้น
ดังนั้นยิ่งตัดสินใจปลูกสร้างบ้านเร็วๆ เท่าไหร่ก็อาจจะทำให้ผู้บริโภคได้บ้านที่ก่อสร้างภายใต้ต้นทุนเดิม สถานการณ์การเมืองที่ไม่มี ความผันผวนมากนัก รวมถึงภาพรวมของเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับต่ำ” นายวิบูล กล่าว
นายวิบูล กล่าวต่อไปว่า จากการสำรวจและวิจัยของ ฝ่ายวิชาการ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ภายในงานรับสร้างบ้าน โฟกัส เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มเป้าหมายจำนวน 340 คนที่ตอบแบบสอบถามระบุว่า ยังมีความต้องการปลูกสร้างบ้าน ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าเป็นจำนวนมากถึงเกือบ 30%
ขณะที่ รองลงมาคือระยะเวลา 8-12 เดือนอีกราว 17% โดยบ้านระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทยังถือเป็นกลุ่มที่มีความต้องการสูงเกือบ 40% ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวก็น่าจะทำให้ในไตรมาสที่ 2-3 เป็นต้นไป กำลังซื้อในตลาดรับสร้างบ้าน น่าจะมีความคึกคักมากขึ้น
ที่มา : สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน
ที่มา : สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน
ในส่วนของผลกระทบต่อธุรกิจรับสร้างบ้านนั้น คาดการณ์ว่าตัวแปรสำคัญ คงเป็นเรื่องของภาพรวมเศรษฐกิจ การเมือง และ อัตราดอกเบี้ย โดยจากผลสำรวจของสมาคมฯ พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยอมรับว่าปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และอัตราดอกเบี้ย มีผลต่อการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านในอนาคต นอกจากนี้ช่วงนี้ยังมีผลกระทบทางจิตวิทยาเกี่ยวกับเรื่องของภัยทางธรรมชาติเข้ามาเป็นตัวแปรอีกอย่างที่สำคัญ
ส่วน ราคาวัสดุก่อสร้างนั้น จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่คาดว่าน่าจะส่งผลกระทบด้วย เพราะทำให้ต้นทุนของบ้านเพิ่มขึ้น โดยทางสมาคมฯ ก็มีแนวทางในการช่วยเหลือสมาชิกด้วยการจัดทำโครงการจัดซื้อจัดจ้างราคาพิเศษ โดยการรวมกลุ่มกันซื้อวัสดุก่อสร้าง เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลง ซึ่งสามารถช่วยรักษาต้นทุนของบริษัทรับสร้างบ้านไม่ให้กระทบกับผู้บริโภคมากนัก