MILL จัดทัพบุกตลาดเหล็กทนแผ่นดินไหว พร้อมเดินเครื่องเตาหลอมปลายปี ดันรายได้โตพรวด 15%
MILL ปรับทัพผู้บริหารครั้งใหญ่เสริมความแข็งแกร่งให้ MILL GROUP “สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล” นำทัพบุกตลาดเหล็กความปลอดภัยสูงสำหรับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ วางเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 15% ผลจากเตาหลอมเสร็จเร็วกว่ากำหนดพร้อมดำเนินการไตรมาสสี่
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) ( MILL) เปิดเผยว่า ขณะนี้ MILL ได้ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งสำคัญ โดยผนึกกำลังกันระหว่างทีมผู้บริหารระดับมันสมองของ MILL และบริษัทย่อย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ MILLCON GROUP ก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการเหล็กระดับแนวหน้าของภูมิภาค สอดรับแผนการขยายธุรกิจสู่โรงเตาหลอมมาตรฐานระดับโลกด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่พร้อมดำเนินการภายในสิ้นปี
“การปรับโครงสร้างผู้บริหารของ MILL ครั้งนี้ มองถึงความแข็งแกร่งและการเติบโตในภาพรวมของ MILLCON GROUP เป็นหลัก เพราะด้วยศักยภาพหลายๆ อย่างที่เรามีไม่ว่าจะเป็นในด้านของบุคลากร เทคโนโลยี และงบประมาณการลงทุนที่เราได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากนักลงทุนหลายสถาบันตลอดมา ประกอบกับโครงการเตาหลอม หรือ Green Mill Project ที่จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ประมาณเดือนตุลาคม ทำให้ MILLCON GROUP พร้อมแล้วที่จะก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำในผู้ประกอบการธุรกิจเหล็ก
ดังนั้นเราจึงต้องมีการปรับผังให้มีความคล่องตัว ชัดเจน และสอดประสานกันมากขึ้นระหว่างแต่ละบริษัทในกลุ่ม จึงได้แต่งตั้ง นายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการร่วมของ MILL เพื่อความเป็นเอกภาพของกลุ่มบริษัทที่จะเป็นผลดีต่อการดำเนินกลยุทธ์ในเชิงรุก”
พร้อมกันนี้ นายสิทธิชัย ยังได้กล่าวถึงภาพรวมของการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า ยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายการเติบโตของทั้งปีไว้ที่ 10-15% และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นไปถึง 20% หากโรงเตาหลอมในโครงการ Green Mill Project ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีความคืบหน้าในกระบวนการต่างๆ เป็นไปตามแผนสามารถดำเนินการผลิตได้เร็วกว่ากำหนดเดิมที่ตั้งไว้และสามารถรับรู้รายได้ได้ทันภายในปลายปีนี้ ก่อนจะเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้กับบริษัทแบบก้าวกระโดดในปี 2555
สำหรับรายได้ในปี 2554 ที่เพิ่มขึ้นคาดว่าเป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ยังสามารถขยายตัวได้ เห็นได้จากคำสั่งซื้อที่ไหลเข้ามาที่ MILL อย่างไม่ขาดสายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2554 ประกอบกับ MILL มีแผนที่จะขยายตลาดเหล็กแรงดึงสูง เพื่อรองรับวิกฤติการณ์แผ่นดินไหวและภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลก
โดยเหล็กดังกล่าวมีคุณสมบัติเพิ่มความทนทานให้กับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า สะพาน อุโมงค์ เขื่อน ซึ่ง MILL สามารถผลิตเหล็กชนิดนี้ได้ตามมาตรฐานสากล ขณะเดียวกันในด้านของราคาเหล็กก็ยังคงขยับตัวเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
“แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/2554 คาดว่าจะออกมาดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากเรามีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงการได้รับปัจจัยบวกจากราคาเหล็กที่อยู่ในระดับสูงในไตรมาสแรกที่ผ่านมา และรายรับจากต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น” นายสิทธิชัย กล่าว