สสว. เผยดัชนี TSSI SMEs เดือน ก.พ. ลดลงทั้งปัจจุบันและคาดการณ์ เหตุราคาน้ำมันพุ่งกระทบต้นทุน ค่าครองชีพสูงเกินรายได้ ความเสี่ยงด้านการเมืองและเศรษฐกิจโลก
นายยุทธศักดิ์ สุภสร
ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
ภาพข่าวจาก thailandexhibition.com
สสว. เผยดัชนี TSSI SMEs เดือน ก.พ. ลดลงทั้งปัจจุบันและคาดการณ์ เหตุราคาน้ำมันพุ่งกระทบต้นทุน ค่าครองชีพสูงเกินรายได้ ความเสี่ยงด้านการเมืองและเศรษฐกิจโลก
สสว. รายงานดัชนี TSSI SMEs เดือนกุมภาพันธ์ ลดลงทั้งดัชนีปัจจุบันและคาดการณ์ 3 เดือน อยู่ที่ 47.0 และ 51.1 และเป็นการลดลงทุกภาคธุรกิจ โดยเฉพาะค้าส่งวัสดุก่อสร้าง ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และบริการก่อสร้าง เป็นกลุ่มที่ค่าดัชนีลดลงมากที่สุด ปัจจัยสำคัญมาจากความกังวลด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และค่าครองชีพสูงเกินรายได้ ผลจากระดับราคาน้ำมันเพิ่ม สถานการณ์การเมืองและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการ (Trade & Service Sentiment Index : TSSI) ประจำเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2554 พบว่า ดัชนี TSSI SMEs รวมภาคการค้าและบริการ ลดลงอยู่ที่ 47.0 จากระดับ 51.7 (ลดลง 4.7) และเป็นการลดลงทุกภาคธุรกิจ
โดย ภาคค้าส่ง ภาคค้าปลีก และภาคบริการ ค่าดัชนีลดลงอยู่ที่ 47.2 45.3 และ 48.9 จากระดับ 52.0 51.4 และ 51.8 (ลดลง 4.8 6.1 และ 2.9) ตามลำดับ เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจประเทศและต่อธุรกิจตนเอง ค่าดัชนีลดลงอยู่ที่ 42.1 และ 47.8 จากระดับ 49.9 และ 51.4 (ลดลง 7.8 และ 3.6) ตามลำดับ
“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าดัชนีในเดือนนี้ลงลดทุกส่วน ทั้งดัชนีปัจจุบัน คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า และดัชนีรายภูมิภาค มีผลจากผู้ประกอบการมีความกังวลสูงในด้านต้นทุน เนื่องจากระดับราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นมากในช่วงเวลานี้ ส่งผลราคาวัสดุก่อสร้างหลักๆ เพิ่มสูงขึ้น และราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญๆ หลายรายการเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ค่าครองชีพของประชาชนก็ปรับตัวสูงขึ้นไม่สอดคล้องกับรายได้ที่ได้รับ
ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังด้านการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศ และสถานการณ์ความรุนแรงในแอฟริกาและตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก” ผอ.สสว. กล่าว
เมื่อพิจารณาแยกเป็นประเภทกิจการ พบว่า ภาคค้าส่ง กิจการค้าส่งวัสดุก่อสร้าง ค่าดัชนีลดลงมากที่สุดอยู่ที่ 43.0 จากระดับ 51.4 (ลดลง 8.4) เนื่องจากผู้ประกอบการกังวลด้านต้นทุนการประกอบการที่เพิ่มสูงขึ้นมาก เห็นได้จากดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 ทั้งในหมวดไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ ซีเมนต์ คอนกรีต เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก สุขภัณฑ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา ภาคค้าปลีก กิจการร้านค้าปลีก (สมัยใหม่) ค่าดัชนีลดลงมากที่สุดอยู่ที่ 44.0 จากระดับ 52.2 (ลดลง 8.2) เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่กังวลในเรื่องค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นไม่สอดคล้องกับรายได้ที่ได้รับ
โดยเฉพาะการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสินค้าอุปโภค บริโภคหลายรายการ เห็นได้จากดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนกุมภาพันธ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 109.95 ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังด้านการใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนภาคบริการ กิจการบริการด้านการก่อสร้าง ค่าดัชนีลดลงมากที่สุดอยู่ที่ 46.1 จากระดับ 51.1 (ลดลง 5.0) ผลจากระดับราคาวัสดุก่อสร้างรวมทั้งค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ยอดขายและกำไรของผู้ประกอบการลดลง
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า รวมภาคการค้าและบริการ ค่าดัชนีปรับตัวลดลงอยู่ที่ 51.1 จากระดับ 55.7 (ลดลง 4.7) และเป็นการลดลงทุกภาคธุรกิจ โดยภาคค้าส่ง ภาคค้าปลีก และ ภาคบริการ ค่าดัชนีลดลงอยู่ที่ 53.0 50.0 และ 51.8 จากระดับ 55.5 56.0 และ 55.5 (ลดลง 2.5 6.0 และ 3.7) ตามลำดับ เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจประเทศ และต่อธุรกิจตนเอง ที่ค่าดัชนีปรับตัวลดลงอยู่ที่ 53.0 และ 54.0 จากระดับ 62.6 และ 58.4 (ลดลง 9.6 และ 4.4) ตามลำดับ
สำหรับผลการสำรวจดัชนีรายภูมิภาคในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2554 พบว่า ทุกภูมิภาคมีค่าดัชนีลดลง โดยภูมิภาคที่มีค่าดัชนีลดลงมากที่สุด ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ค่าดัชนีลดลงอยู่ที่ 43.9 จากระดับ 52.4 (ลดลง 8.5) รองลงมาคือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ค่าดัชนีลดลงอยู่ที่ 46.6 จากระดับ 53.5 (ลดลง 6.9) ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ค่าดัชนีลดลงอยู่ที่ 48.5 จากระดับ 51.3 (ลดลง 2.8) ภาคเหนือ ค่าดัชนีลดลงอยู่ที่ 47.3 จากระดับ 49.9 (ลดลง 2.6) และ ภาคใต้ ค่าดัชนีลดลงอยู่ที่ 49.0 จากระดับ 50.4 (ลดลง 1.4)
ดัชนีความเชื่อมั่น TSSI (SMEs)
ประจำเดือนมกราคม เปรียบเทียบเดือนกุมภาพันธ์ 2554
หมายเหตุ : M = เดือนปัจจุบัน F3= คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า
ที่มา : กระทรวงอุตสาหกรรม