คลัง จับมือ กทม. ผนึกกำลังเข้มกับผู้ค้าหาบเร่แผงลอย เดินหน้าสร้างประชาคมผู้ค้าเข้มแข็ง และเข้าถึงแหล่งทุน ตามนโยบายประชาวิวัฒน์
กระทรวงการคลังเดินหน้าโครงการประชาวิวัฒน์ ลดความแตกแยกและความเหลื่อมล้ำทางสังคม มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ แรงงานนอกระบบ ได้แก่ ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ รถจักรยานยนต์รับจ้าง และผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ล่าสุด ร่วมกับกรุงเทพมหานคร เปิดโครงการอบรมผู้ค้าหาบเร่แผงลอยในจุดผ่อนผัน หวังสร้างประชาคมผู้ค้า ในจุดผ่อนผันให้เข้มแข็ง มีการรับรองสิทธิประโยชน์และเข้าถึงแหล่งทุนได้สะดวกขึ้น
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังร่วมเป็นประธานเปิด “โครงการอบรมผู้ค้าหาบเร่แผงลอยในจุดผ่อนผัน มุ่งสู่ประชาคมผู้ค้าเข้มแข็งและเข้าถึงแหล่งทุน” ว่า “การขับเคลื่อน 9 มาตรการตามนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลเป็นแผนหนึ่งในโครงการปฏิรูปประเทศไทย โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความเหมาะสม และในส่วนของการจัดพื้นที่ผ่อนผันให้ผู้ค้าได้ค้าขายนั้นก็เป็นหนึ่งใน 9 มาตรการ
ซึ่งทาง กทม.ได้ประสานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล และนำไปสู่การขออนุมัติจุดผ่อนผันจำนวนทั้งสิ้น 275 จุดใน 39 เขตของ กทม. มีจำนวนผู้ค้า 6,479 รายนั้น ล่าสุด บช.น.เห็นชอบให้ผ่อนผัน 147 จุด รวมผู้ค้า 2,294 ราย ไม่เห็นชอบ 42 จุด รวมผู้ค้า 1,401 ราย ซึ่งกทม.ได้มีแนวทางที่จะช่วยเหลือผู้ค้าที่ไม่ได้รับความเห็นชอบเหล่านี้ ในแง่ของการจัดหาสถานที่ค้าขายต่อไป
นอกจากนี้ยังมีอีก 86 จุด รวมผู้ค้า 2,820 ราย ซึ่ง บช.น. เห็นควรให้ปรับปรุงจุดการค้าให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ซึ่งจะยึดหลักการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ระหว่างผู้ใช้บาทวิถีและผู้ค้าเป็นพรรค โดยผู้ค้ามีพื้นที่ค้าขายเป็นสัดส่วน สะอาด มีระเบียบน่ามอง ในขณะเดียวกันผู้ใช้บาทวิถีสามารถสัญจรได้สะดวก ในทัศนียภาพที่ดีขึ้น
อีกทั้งในอนาคตจะมีการจัดทำจุดเสน่ห์เมืองอีก 40 จุด ซึ่งขณะนี้ กทม.ได้เสนอโครงการแล้ว และอยู่ระหว่างการของบประมาณ ทั้งนี้โครงการประชาวิวัฒน์ จะเปิดโอกาสให้ผู้ค้าสามารถขายสินค้าได้ในจุดผ่อนผันโดยชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งจะมีสิทธิที่จะเข้าถึงแหล่งเงิน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และจะทำให้มีสิทธิความเสมอภาคได้
“เมื่อมีการประกาศจุดผ่อนผัน ก็จะดูแลความสะอาดในพื้นที่ได้ดีขึ้น และจะทำให้พ่อค้าแม่ค้ารวมตัวกันเพื่อเข้าถึงวงเงินสินเชื่อตามมาตรการได้ด้วย นอกจากนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ยังได้กำหนดจุดถนนคนเดินขึ้นมา 3 จุดเพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้ กทม. ซึ่งยังอยู่ในช่วงของการประสานงาน คือ 1. ถนนสีลมทั้งสองฝั่ง 2. จุดค้าขายตีนสะพานพุทธฯ 3. พื้นที่ตลาดโบ๊เบ๊ ส่วนจุดค้าขายถาวรอีก 9 จุดในพื้นที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่จะมีการเสริมศักยภาพให้มีเสน่ห์มากขึ้น ก็จะเริ่มดำเนินการตามแผนเช่นเดียวกัน” นายกรณ์ฯ กล่าว
และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กทม. นำร่องโดยเขตบางกะปิได้ดำเนินโครงการตามนโยบายประชาวิวัฒน์ โดยการจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่แผงลอย เดิมมีจุดผ่อนผันจำนวน 11 จุด มีผู้ค้าจำนวน 559 คน ต่อมาได้มีการพิจารณาผู้ค้าหาบเร่แผงลอยนอกจุดผ่อนผัน เพื่อเสนอให้เป็นจุดผ่อนผันใหม่ จำนวน 10 จุด มีผู้ค้าจำนวน 481 คน โดยได้รับอนุญาตจาก กทม.และกองบัญชาการตำรวจนครบาล จำนวน 4 จุด คือ
บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์ มีผู้ค้าจำนวน 12 คน บริเวณซอยรามคำแหง 64 - 66 มีผู้ค้าจำนวน 9 คน บริเวณซอยรามคำแหง 14 - 20 มีผู้ค้าจำนวน 36 คน และบริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ ถนนรามคำแหง มีผู้ค้าจำนวน 21 คน รวมผู้ค้าทั้งหมด จำนวน 88 คน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.ได้ดำเนินโครงการตามนโยบายประชาวิวัฒน์ ซึ่งเป็นโครงการที่ทำให้ประชาชนมีอาชีพสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้เป็นอย่างดี โดยในส่วน กทม.ได้จัดให้มีสวัสดิการแก่กลุ่มผู้ประกอบอาชีพทั้ง 2 กลุ่ม
ประกอบด้วย “โครงการมอเตอร์ไซค์ยิ้ม” เป็นการทำประกันชีวิตให้โดยคิดเบี้ยประกันปีละ 500 บาท เพื่อเป็นสวัสดิการช่วยเหลือกรณีผู้ขับขี่ประสบอุบัติเหตุ และ “โครงการยิ้มสู้ กู้สร้างอาชีพ” ที่ให้ผู้ประกอบการค้าสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน สร้างคุณภาพชีวิตและมาตรฐานการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นมหานครแห่งการค้าต่อไป