DRT ปลื้ม ผู้บริโภคตอบรับสินค้าใหม่คึกคัก ยันแผนการตลาดมาถูกทาง มั่นใจช่วยดันยอดปี 54 โตตามเป้า
นายสาธิต สุดบรรทัด
รองกรรมการผู้จัดการ สายการขายและการตลาด
บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน)
DRT ปลื้ม ผู้บริโภคตอบรับสินค้าใหม่คึกคัก ยันแผนการตลาดมาถูกทาง มั่นใจช่วยดันยอดปี 54 โตตามเป้า
‘ผลิตภัณฑ์ตราเพชร’ ไตรมาสแรกไปได้สวย คอนเฟิร์มแผนการตลาดเดินถูกทาง หลังเปลี่ยนชื่อพร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่นอกเหนือจากกระเบื้องหลังคา เผยสินค้าที่คลอดสู่ตลาดตั้งแต่ต้นปีได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างคึกคัก ทั้งโครงหลังคา แผ่นยิปซั่ม แผงไม้บังตา ระบุเน้นเดินหน้าชู Everything in One มั่นใจมีวัสดุครอบคลุมครบวงจร คุณภาพเข้าตาเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค แถมปีนี้มีรายได้จากสายการผลิตที่ 9 หนุนอีก ไม่ห่วงเป้ารายได้โตจากปีที่แล้ว 10%
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการ สายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT เปิดเผยว่า นับจากบริษัทฯ ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ๆ พร้อมกับการปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เช่น โครงหลังคาสำเร็จรูปตราเพชร, แผ่นยิปซัมตราเพชร และแผงไม้บังตาสำเร็จรูปตราเพชร ปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเชื่อมั่นในสินค้าและตัวแทนจำหน่ายของตราเพชร
“จากความสำเร็จดังกล่าว เราอยากจะตอกย้ำให้ผู้บริโภคและสาธารณชนทั่วไปได้ทราบว่า สินค้าของเราไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะหลังคาแล้ว เราจึงได้เปลี่ยนชื่อจากกระเบื้องหลังคาตราเพชรมาเป็น บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและครอบคลุมสินค้าวัสดุก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์ รวมทั้งโครงหลังคาสำเร็จรูป แผ่นยิปซัม และแผ่นไม้บังตาสำเร็จรูป” นายสาธิตกล่าว
รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร กล่าวด้วยว่า จากสัญญาณที่ดีในช่วงไตรมาสแรกของปี 2554 นี้ ทำให้ไม่เป็นกังวลกับเป้าหมายยอดขายในปี 2554 ที่คาดว่าจะเติบโตในอัตรา 10% จากปีก่อน โดยในปีนี้มีปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้ของสายการผลิตที่ 9 ซึ่งเน้นผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท และบริษัทฯ ยังลงทุนอีก 50 ล้านบาท ในการขยายกำลังการผลิตกระเบื้องคอนกรีตอีก 20% ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขายประมาณ 100 ล้านบาท
ในส่วนความคืบหน้าเรื่องการลงทุนเพิ่มสายการผลิตที่ 10 ซึ่งเป็นสายการผลิตสินค้าไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ด ชนิดไม่มีใยหิน โดยมีกำลังการผลิต 72,000 ตันต่อปี ใช้งบประมาณการลงทุนประมาณ 480 ล้านบาทนั้น บริษัทฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2/2555 และจะสามารถดำเนินงานและทยอยรับรู้รายได้ในปลายปี 2555
นายสาธิต ยังกล่าวอีกว่า การปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ นับว่าเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลเกินความคาดหวัง เพราะสามารถสร้างการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของบริษัทฯ ได้ในเวลาไม่นานนัก ซึ่งหลังจากนี้จะทำให้การทำตลาดของบริษัทฯ มีความเข้มข้นมากขึ้นได้อีก
“ถือได้ว่าที่ผ่านมา ‘ผลิตภัณฑ์ตราเพชร’ มีผลตอบรับที่ดีและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมากขึ้นตามลำดับ สะท้อนจากยอดขายที่สูงขึ้นของผลิตภัณฑ์ทุกประเภท เมื่อผนวกกับกลยุทธ์ Everything in One ทำให้สินค้ามีความหลากหลายครบถ้วนสามารถสนองความต้องการของลูกค้าทุกประเภทภายใต้แบรนด์เดียว ก็จะกลายเป็นแรงผลักดันให้เป้าหมายรายได้ของบริษัทฯ เป็นไปตามที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน” รองกรรมการผู้จัดการ DRT กล่าว
สำหรับแผนการตลาดในปี 2554 นั้น บริษัทฯ ยังคงมีแผนจะขยายการส่งออกให้มากขึ้น เพื่อที่จะรักษาสัดส่วนการส่งออกให้อยู่ที่ 10% จากยอดขายรวมทั้งหมด โดยจะเน้นไปยังประเทศพม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม จีน และฟิลิปปินส์