กรมโรงงานคุมเข้ม 75 โรงงานนอกนิคม ฯ มาบตาพุด สั่งลดมลพิษลงไม่ต่ำกว่า 20 % ภายใน 1 ปี ลุยตรวจ 43 จุด เสี่ยงปล่อยมลพิษทางอากาศ พร้อมชง โฆสิต เร่งบูรณาการแผนแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมนิคมฯเบ็ดเสร็จ กระทรวงทรัพยากร แบรกแผนพัฒนาพื้นที่เซาเทิร์นซีบอร์ดที่ภาคตะวันออก เล็งย้ายลงภาคใต้แทน
นายรัชดา สิงคาลวนิช อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ( กรอ.) เปิดเผยว่า กรอ. ได้เสนอแผนปฏิบัติการลดมลพิษโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นอกนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ให้นาย โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณา และเสนอคณะอนุกรรมการสิ่งแวดล้อมที่มีนาย พรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นในพื้นที่นิคม มาบตาพุดได้อย่างเป็ดเสร็จ ต้องเร่งดำเนินการลดมลพิษจากโรงงานที่ตั้งอยู่ใน และนอกนิคม ควบคู่กัน |
. |
แผนลดมลพิษของ กรอ. นั้นประกอบด้วยแผนระยะสั้นจะเร่งผู้ประกอบการเป้าหมายที่ดำเนินกิจการประเภทโรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน โรงงานผลิตเหล็กและเคมีภัณฑ์ จำนวน 75 ราย ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตประกอบการของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ ทีพีไอ เดิม ที่มีโรงอยู่กลุ่มเสี่ยงต่อการสร้างมลพิษทางอากาศ จำนวน 50 โรงงาน และโรงงานที่ตั้งอยู่นอกเขตดังกล่าวอีก 25 โรงงาน โดยเป้าหมายจะลดมลพิษกว่าเดิมไม่ต่ำกว่า 20 % ภายในระยะเวลา 1 ปี |
. |
ทั้งนี้ กรอ. ได้สั่งให้ผู้ประกอบการดังกล่าวจัดทำแผนลดมลพิษทางอากาศมาเสนอ กรอ. โดยเร็วที่สุด ซึ่งจุดใหญ่จะเน้นการลดมลพิษทางอากาศเป็นหลัก ซึ่งจากการลงพื้นที่ในเบื้องต้นพบ 43 ปล่อง การปล่อยควันของโรงงานที่เป็นจุดเสี่ยงที่จะเพิ่มมลพิษทางอากาศ ซึ่งได้เร่งให้ผู้ประกอบการสำรวจความบกพร่อง หากเกิดปัญหาต้องดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว อย่างไรก็ตามการลดมลพิษดังกล่าวผู้ประกอบการจะต้องรับภาระใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเองทั้งหมด แผนระยะกลาง และระยะยาว ภายในระยะเวลา 3 ปี จะลดมลพิษในโรงงานเป้าหมายที่ตั้งอยู่ใน อำเภอเมืองระยอง อำเภอปลวกแดง อำเภอบ้านฉาง และนิคม ฯ พัฒนาที่มีโรงงานกว่า 500 ราย ให้ต่ำสุดเท่าที่จะดำเนินการได้อย่างต่ำต้องลดมลพิษลงจากเดิม 20 % แม้ในปัจจุบันการปล่อยมลพิษของผู้ประกอบการจะยังไม่เกินมาตรฐานที่กำหนด แต่หากไม่ช่วยกันควบคุมมลภาวะโดยเร็วอนาคตหากเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมจะไม่คุ้มกับโครงการลงทุนที่มีมลค่ามหาศาล |
. |
การลดมลพิษจะเป็นไปตามกรอบที่คณะอนุกรรมการสิ่งแวดล้อมกำหนดไว้ ทั้งมาตรการจัดการและแก้ไขปัญหามลพิษต้องคลอบคลุมถึงแหล่งกำเนิดทั้งหมด การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามมาตรฐาน และต้องเฝ้าระวังการเกิดปัญหาและดูแลส่งเสริมคุณภาพชีวิต ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม |
. |
นาย สุทธิ อัชณาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า งานนี้ เรียกว่า ฟรีคอนเสิร์ต ผนึกกำลังรวมใจลดมลพิษ ต่อชีวิตชาวระยองร่วมกัน ที่ต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมสะอาด อยากจะเห็นหลายฝ่ายเข้ามาควบคุมในการลดปัญหามลพิษ ด้านต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่เรามีร่วมกัน ทิศทางอุตสาหกรรมต้องเป็นอุตสาหกรรมสะอาด เพื่อให้ตัวเลขเศรษฐกิจไม่ตกต่ำลงไป ควบคู่กับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของชาวระยอง |
. |
การเคลื่อนไหวของกลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ที่ผ่านมามีผลที่คืบหน้า คือ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการกรรมการศึกษาจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ สองชุด ได้กำหนดมาตรสารเคมี 9 ชนิด ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง โดยจะประกาศในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นี้ ในการประชุมของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ |
. |
คณะอนุกรรมการด้านพลังงาน จะลงพื้นที่จัดเวิร์คชอป ในวันที่ 23 -24 กุมภาพันธ์ นี้ เพื่อทำแผนปฏิบัติการส่วนพิธีสืบชะตาสุขภาพจะมีการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดให้พรกับผู้เจ็บป่วยประมาณ 10 คน ให้หายวันหายคืน เป็นการรณรงค์ ให้ช่วยเรียกเอาสิ่งแวดล้อมที่หายไป เช่น น้ำทะเล อากาศ กลับคืนมา เป็นการทำบุญจังหวัด ให้ปัญหาโพยภัยทั้งหมดหายไป |
. |
นายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดจังหวัดระยอง ว่าคงต้องเปิดโอกาสให้คณะอนุกรรมการทั้ง 2 ชุด ที่ตั้งขึ้นมาทำงานก่อนโดยเฉพาะการศึกษาข้อมูลทางวิชาการเพื่อนำมาพิจารณาจึงยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งในส่วนของอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อแก้ปัญหามลพิษและกำหนดการพัฒนาพื้นที่มาบตาพุดที่มี นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานก็จะทำงานดูแลเรื่องให้โรงงานอุตสาหกรรมทำตามกฎหมาย เนื่องจาก ในอดีตมีการปฏิบัติงานหย่อนยานมาตลอด ตอนนี้ก็ต้องกลับไปดูเพื่อให้ทำอย่างจริงจังทั้งเรื่องของมาตรฐานสารอินทรีย์ระเหย ( VOCs) มลพิษต่าง ๆ ที่เป็นเรื่องเร่งด่วนตอนนี้ |
. |
เรื่องการย้ายพื้นที่อุตสาหกรรมเป็นเรื่องที่เคยมีการพูดคุยกันในรัฐบาล ว่าควรจะมีการหาพื้นที่ใหม่ที่จะรองรับภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากเห็นว่าที่มาบตาพุดเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องแหล่งน้ำที่ไม่เพียงพบ เพราะในเขตภาคตะวันออก ยังมีประชาชนที่มีอาชีพเกษตรกรรมอยู่ ก็ต้องคำนึงถึง และต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งจะต้องจัดให้สมดุลไม่ให้เกิดความขัดแย้ง โดยเฉพาะการแย่งน้ำกัน เคยทราบมาว่ามีการศึกษาของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า พื้นที่ภาคใต้จังหวัดอันดามัน รวมทั้งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีความเหมาะสม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องว่ากันด้วยเหตุผล มองในหลายปัจจัยร่วมกันด้วย นายเกษม กล่าว |
. |
ด้านนายเกษมสันต์ จิณณวาโส เลขาธิการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ( สผ. ) กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลตัดสินใจที่จะพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้หรือเซาเทิร์นซีบอร์ด เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมจากชายฝั่งตะวันออกนั้น ทาง สผ. จะเสนอให้ทำการประเมินปลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงกลยุทธ์ (SEA) ซึ่งเป็นการประเมินในระดับนโยบายระดับแผนงานและเชิงพื้นที่ และจะช่วยให้เห็นภาพผลกระทบในระดับพื้นที่และครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และเป็นทางเลือกให้สาธารณชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ดังนั้นคงต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลก่อน |
. |
ส่วน นางนิศากร โฆษิตรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนาของรัฐบาล แต่เนื่องจากพื้นที่ภาคใต้ยังมีความอ่อนไหวของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามอยู่มาก ดังนั้นหากรัฐบาลจะมีนโยบายพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ลงไปในพื้นที่ก็ต้องไม่ผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งด้วย |