กสิกรไทย-กรุงไทย ปล่อยกู้สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน ขนาด 110 เมกะวัตต์ มูลค่ากว่าห้าพันล้านบาท ระบุเริ่มซื้อขายปี 56
กสิกรไทย-กรุงไทย ปล่อยกู้สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน ขนาด 110 เมกะวัตต์ มูลค่ากว่าห้าพันล้านบาท ระบุเริ่มซื้อขายปี 56
กสิกรไทยร่วมกับกรุงไทย ปล่อยกู้บ.บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ตามแผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้าของประเทศ กำลังการผลิตไฟฟ้า 110 เมกะวัตต์ (MW) และไอน้ำ 20 ตันต่อชั่วโมง โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มูลค่าโครงการกว่า 5,480 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2554 ณ โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คอลคอร์ด-นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) และนายวรวุฒิ อนุรักษ์วงศ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น เข้าร่วมในพิธีลงนามในสัญญาให้การสนับสนุนทางการเงิน (Syndicated Loan Facility) จำนวน 4,110 ล้านบาท ระหว่างธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงไทย กับบริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก โดยมีมูลค่าโครงการรวม 5,480 ล้านบาท
วงเงินสินเชื่อครั้งนี้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด มีแผนการจะนำไปใช้เป็นเงินทุนในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมโคเจนเนอเรชั่น ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้า 110 เมกะวัตต์ (MW) และไอน้ำ 20 ตันต่อชั่วโมง แบบใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง
โดยโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 90 เมกะวัตต์ โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer-SSP) ระยะยาว 25 ปี และมีกำหนดวันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2556 เป็นต้นไป
พลังงานไฟฟ้าส่วนที่เหลือและไอน้ำ จะจำหน่ายให้กับโรงงานอุตสาหกรรมภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ซึ่งปัจจุบันนี้กลุ่มบริษัท ช.การช่าง ได้เป็นผู้ถือหุ้นในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 ตั้งอยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนลาว ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว และอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบรี มูลค่ากว่าแสนล้านบาท
บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด มีผู้ถือหุ้นหลักคือกลุ่ม ช.การช่าง (CK) ซึ่งดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2515 ปัจจุบันมีบทบาทการลงทุนในธุรกิจด้านการก่อสร้าง พลังงาน และการสาธารณูปโภคต่าง ๆ