1. หอการค้าไทย คาดการณ์ว่า GDP ไทยทั้งปี 2554 จะขยายตัวได้ร้อยละ 4.2
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่า GDP ทั้งปี 2554 จะขยายตัวได้ร้อยละ 4.2 โดยในไตรมาส 1 ปี 54 จะขยายตัวร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และไตรมาสที่ 2 จะขยายตัวร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยยังไม่มีสัญญาณการชะลอตัว
โดยในทุกภูมิภาคอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับเข้มแข็งจากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐส่งผลให้กิจกรรมภายในจังหวัดดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่นโยบายด้านการส่งเสริมการลงทุนของจังหวัดเป็นตัวเร่งให้ภาคเอกชนเกิดการลงทุน ด้านราคาพืชผลทางการเกษตรจะอยู่ในระดับดี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวที่กล่าวมาข้างต้น จะเป็นการส่งเสริมต่อการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป
- สศค. วิเคราะห์ว่า GDP ของไทยในปี 2554 จะขยายร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (ประมาณการ ณ เดือน ธ.ค. 2553) โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ร้อยละ 4.0-5.0 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขประมาณการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รวมผลกระทบจากภัยพิบัติสึนามิในญี่ปุ่นต่อเศรษฐกิจไทย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสมมติฐานหลักอื่น ๆ เช่น ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนีอง จากความไม่สงบทางการเมืองในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ทั้งนี้ สศค.จะได้แถลงผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2554 อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 29 มีนาคม 2554 นี้
2. ดัชนีความผาสุกปี 53 ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 79.93 บ่งชี้ว่าเกษตรกรมีความสุขเพิ่มขึ้น
- เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยดัชนีด้านความผาสุกของเกษตรกรในปี 53 ว่าได้ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 79.93 จากปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 79.46 สอดคล้องกับ ดัชนีความผาสุขของเกษตรกรในด้านเศรษฐกิจในปี 53 อยู่ที่ระดับ 68.06 ปรับขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 67.63
อย่างไรก็ตามดัชนีด้านเศรษฐกิจดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก โดยเฉพาะในส่วนของรายได้ และการออมภาคครัวเรือน ซึ่งควรได้รับการแก้ไขในระยะต่อไป
- สศค.วิเคราะห์ว่า ในปี 53 เศรษฐกิจภาคการเกษตรได้รับปัจจัยบวกจากราคาสินค้าเกษตรในประเทศและตลาดโลกที่ขยายตัวในระดับสูง โดยราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ในปี 53 ขยายตัวเร่งขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ร้อยละ 23.7 ส่งผลให้รายได้เกษตรกรที่แท้จริง (หักอัตราเงินเฟ้อชนบท) ในปี 53 ขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ 14.4
ทั้งนี้ สศค. คาดว่า ในปี 54 แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรดังกล่าวยังคงจะทรงตัวในระดับสูง จากอุปสงค์ที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ในขณะที่อุปทานค่อนข้างจำกัด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศ
3. ราคาน้ำมันดิบในตลาดทั่วโลกปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ราคาน้ำมันดิบในตลาดทั่วโลกปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการบริโภคน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ และความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ซึ่งส่งผลให้อุปทานน้ำดิบโลกเกิดภาวะตรึงตัวเนื่องจากภูมิภาคดังกล่าวมีการจัดหาน้ำมันคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27 ของยอดการจัดหาทั่วโลก โดยราคาน้ำมันดิบส่งมอบล่วงหน้าเดือน พ.ค. ที่ตลาด nymex ปิดซื้อขายวันที่ 23 มี.ค. 54 ปรับตัวขึ้น 0.78 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 105.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงสุดนับแต่เดือน ก.ย. 51 เป็นต้นมา
- ฝ่ายเลขาฯ วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบ Dubai ซึ่งเป็นราคาที่ประเทศไทยใช้ในการอ้างอิงในการกำหนดราคาน้ำมันในประเทศเป็นหลัก ได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 54 ราคาน้ำมัน Dubai ได้ปรับขึ้นมาร้อยละ 3.9 มาอยู่ที่ระดับ 109.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยสาเหตุหลักมาจากปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ
ซึ่งการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาของราคาน้ำมันดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อที่มีทิศทางสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อใน 2 เดือนแรกของปี 54 ขยายตัวร้อยละ 2.95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า