วอลโว่ชี้กระแสรถเอสเตท 5 ประตูแรงไม่ตก ดันยอดวอลโว่ V50 พุ่งกว่า 300 คันในปี 53 พร้อมส่ง S80 เครื่องดีเซลให้ทางเลือกผู้บริโภคยุคใหม่
วอลโว่ชี้กระแสรถเอสเตท 5 ประตูแรงไม่ตก ดันยอดวอลโว่ V50 พุ่งกว่า 300 คันในปี 53 พร้อมส่ง S80 เครื่องดีเซลให้ทางเลือกผู้บริโภคยุคใหม่
วอลโว่ชี้กระแสรถเอสเตท 5 ประตูแรงไม่ตก ดันยอดวอลโว่ V50 พุ่งกว่า 300 คันในปีที่ผ่านมา ด้วยความอเนกประสงค์ที่สนองความต้องการของครอบครัวรุ่นใหม่ที่ใส่ใจในดีไซน์ คุณภาพ และความปลอดภัย พร้อมมอบทางเลือกใหม่กับการเปิดตัว S80 D3 เครื่องยนต์ดีเซล เคาะราคา 2,699,000 บาทเอาใจแฟนพันธุ์แท้รถหรูที่คุ้มค่า เปี่ยมคุณภาพ
นางฉันทนา วัฒนารมย์ ประธานบริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ ไฮไลต์ใหญ่ของเราคือการนำทัพรถยนต์คุณภาพจากวอลโว่ทุกรุ่นทุกสไตล์บุกมอเตอร์โชว์พร้อมทั้งโปรโมชั่นพิเศษที่ได้รับการตอบรับอย่างดีช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อรถของเราได้เร็วขึ้นดันให้ยอดขายพุ่งตั้งแต่ก่อนเปิดงาน
รถที่มาแรงคือ วอลโว่ V50 รถยนต์อเนกประสงค์ 5 ประตูหรือเอสเตท และอีกหนึ่งรุ่นที่เปิดตัวในงานนี้คือวอลโว่ S80 D3 เครื่องยนต์ดีเซล โดย V50 หรือรถยนต์แบบเอสเตทถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของวอลโว่และเป็นที่ต้องการของตลาดมากมาโดยตลอด โดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัวที่ต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ซึ่งคล่องตัว ไม่ว่าจะใช้งานประจำวัน หรือการออกเดินทางไปพักผ่อนใช้เวลากับครอบครัวในวันหยุด
ภายใต้คอนเซ็ปของวอลโว่ที่ว่า There's more to life เพราะมีอะไรมากมายในชีวิตที่มีความหลากหลายที่รอให้เราทำและสนุกกับเรื่องต่างๆ ได้อย่างลงตัว ความอเนกประสงค์และคุณภาพที่ โดดเด่นทำให้วอลโว่ V50 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และมียอดขายที่เติบโตต่อเนื่องตามเป้าหมายหลังจากที่เราได้เผยโฉมไปในช่วงปลายปี 2552 และเริ่มขายในปี 2553
“ส่วน S80 D3 ก็จะเข้ามาเสริมไลน์ S80 ที่ปัจจุบันมีเครื่องยนต์ E85 อยู่แล้ว โดย S80 D3 วางเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นปรับปรุงใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีรุ่นล่าสุดทำให้เครื่องยนต์เดินเงียบ เทอร์โบชาร์จเป็นอีกเทคโนโลยีสำคัญในเครื่องยนต์ดีเซลยุคปัจจุบัน เนื่องจากระบบดังกล่าวช่วยให้เครื่องยนต์ดีเซลมีสมรรถนะที่สูงขึ้นด้วยหัวฉีดที่ถูกปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดน้ำมันขึ้น ทั้งยังปล่อยไอเสียน้อยลงอีกด้วย
เครื่องยนต์ดีเซลประหยัดกว่าเครื่องยนต์เบนซินประมาณ 30% หรือพูดง่ายๆ ว่า เครื่องยนต์ดีเซลทำงานได้คุ้มค่าน้ำมันแต่ละหน่วยมากกว่า การนำรถยนต์รุ่นนี้ออกสู่ตลาด นอกจากจะให้ทางเลือกใหม่กับผู้ขับขี่แล้ว ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นและความเป็นผู้นำของวอลโว่ในด้านเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย” นางฉันทนากล่าวเสริม
ในงานมอเตอร์โชว์ 2011 นี้ วอลโว่จะนำ V50 รุ่นล่าสุดมาโชว์และเปิดให้จองในราคา 1.799 ล้านบาทสำหรับรุ่น 2.0 ลิตร โดยรุ่นล่าสุดนี้ได้รับการปรับปรุงให้มีความโดดเด่นสะดุดตามากขึ้นทั้งภายในและภายนอก เริ่มจากกระจังหน้าพร้อมตราสัญลักษณ์วอลโว่ใหม่ที่ดูแกร่งและชัดเจนขึ้น สเกิร์ตรอบคันสีเดียวกันกับตัวรถ แร็คหลังคาสีเงิน ล้ออลูมิเนียมอัลลอย 16 นิ้ว ยาง 255/55 R16 พวงมาลัยสปอร์ตแบบสามก้าน และหัวเกียร์แบบสปอร์ตขลิบอลูมิเนียม
วอลโว่ V50 ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร และเป็นรถเครื่องยนต์เบนซินรุ่นแรกในตลาดที่มาพร้อมเพาเวอร์ชิฟท์ (Powershift) นวัตกรรมเทคโนโลยีระบบส่งกำลังที่ให้แรงบิดดีต่อเนื่องจึงตอบสนองทันใจในทุกสถานการณ์การขับขี่ และยังประหยัดน้ำมันขึ้นถึง 8% ทำให้ลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ให้พลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 185 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที และสามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ได้
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบกล้องและสัญญาณเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Information System: BLIS) เทคโนโลยีหนึ่งเดียวในโลกซึ่งมีกล้องที่ติดตั้งอยู่บนกระจกมองข้าง เมื่อมียานพาหนะเคลื่อนเข้ามาในมุมอับของสายตา ฟังก์ชั่นนี้จะเตือนด้วยไฟสัญญาณที่ติดตั้งอยู่บนเสาประตูด้านหน้า ทั้งซ้ายและขวาเริ่มทำงานเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วมากกว่า 10 ก.ม./ช.ม. โดยจะตรวจจับยานพาหนะแทบทุกประเภทตั้งแต่มอเตอร์ไซค์ขึ้นมา
ระบบปกป้องจากการบาดเจ็บจากการสะบัดของศีรษะ (Whiplash protection system – WHIPS) ระบบนี้ฝังตัวเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่งด้านหน้า ทำหน้าที่ช้อนรองผู้นั่งเพื่อลดความเสี่ยงจากการสะบัดของศีรษะ เมื่อมีแรงกระแทกจากท้ายรถ พนักพิงหลังในตอนหน้าของตัวรถและพนักพิงศีรษะจะขยับเข้ามารับตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ระบบ Intelligent Driver Information System (IDIS) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงจากสิ่งรบกวนสมาธิในสถานการณ์การขับขี่ที่คับขัน ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Impact Protection – SIP) ติดตั้งที่ขอบนอกของพนักพิงที่นั่งด้านหน้า ช่วยลดการบาดเจ็บอย่างหนักที่ส่วนอกและสะโพกในกรณีการชนด้านข้าง และม่านนิรภัย (Inflatable Curtain) ที่ทำงานสัมพันธ์กับถุงลมนิรภัยคู่หน้า เพื่อช่วยปกป้องศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสารในการชนด้านข้าง
และระบบ Dynamic Stability and Traction Control (DSTC) ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัว และเป็นระบบที่ติดตั้งเป็นมาตรฐานในวอลโว่ V50 ทุกคัน ระบบ DSTC จะเริ่มทำงานและปรับการทรงตัวของรถให้คืนสมดุลอีกครั้งเมื่อตรวจจับได้ว่ามีความเสี่ยงต่อการลื่นไถล
ส่วนรุ่น S80 D3 เครื่องยนต์ 2 ลิตร ให้พลังสูงสุด 163 hp ที่ 3,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 Nm ในช่วง 1,400-2,850 รอบต่อนาที ติดตั้งเกียร์ออโตเมติก 6 สปีดพร้อมโหมดเกียร์โทรนิกที่ให้ผู้ขับขี่เลือกเปลี่ยนเกียร์เองได้เพื่อความสนุกสนานสูงสุดในการขับขี่ ภายในตกแต่งอย่างหรูหราแต่ให้บรรยากาศอบอุ่นสบาย ด้วยไม้วอลนัท พวงมาลัยไม้และหนังในโทนสีเข้ม หัวเกียร์หุ้มหนัง ขลิบวัสดุสีเงินด้าน
ส่วนในด้านนวัตกรรมความปลอดภัย S80 D3 ก็มาพร้อมนวัตกรรมความปลอดภัยมากมายครบครัน เช่นระบบสัญญาณเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Information System: BLIS) ระบบเตือนก่อนการชนพร้อมฟังก์ชั่นช่วยในการหยุดรถ (Collision Warning with Auto Brake (CWAB) ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ขณะขับขี่บนถนนไฮเวย์โดยเฉพาะ ระบบจะส่งเสียงสัญญาณและไฟกระพริบเพื่อเตือนผู้ขับขี่
และยิ่งไปกว่านั้นระบบนี้ยังมีฟังก์ชั่นช่วยลดความเร็วรถโดยสั่งให้ระบบเบรกทำงานในระดับหนึ่งเพื่อช่วยผ่อนแรงผู้ขับขี่ในการเหยียบเบรกให้รถหยุดทันท่วงที หากผู้ขับไม่เหยียบเบรก ฟังก์ชั่น Auto Brake จะหยุดรถโดยทันทีและเปิดสัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉินเพื่อเตือนรถคันที่ตามหลังมาให้ระวังตัว
ระบบควบคุมความเร็วรถแบบแปรผันพร้อมระบบเตือนเมื่อเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไปและไม่ปลอดภัย (Adaptive Cruise Control with Auto Brake) ระบบแจ้งเตือนระยะห่างจากรถคันหน้า (Distance Alert) ซึ่งจะเริ่มทำงานเมื่อความเร็วตั้งแต่ 30 ก.ม./ช.ม. เมื่อระบบ Adaptive Cruise Control อยู่ในโหมดสแตนด์บายหรือไม่ได้ทำงาน