เนื้อหาวันที่ : 2011-03-14 09:12:37 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 690 views

ไทยจับมือเบลเยียม เล็งขยายความร่วมมือด้านโลจีสติกส์

องกรณ์ เผยไทยและเบลเยียม เตรียมขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนมากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากการเป็นศูนย์กลางโลจีสติกส์ในภูมิภาค

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

องกรณ์ เผยไทยและเบลเยียม เตรียมขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนมากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากการเป็นศูนย์กลางโลจีสติกส์ในภูมิภาค

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหือรือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการค้าต่างประเทศภูมิภาควัลลูนของเบลเยียม ระบุรัฐบาลทั้งสองฝ่ายจะขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น 

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้หารือกับนายฌอง-โคลด มาร์กูร์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการค้าต่างประเทศภูมิภาควัลลูนของเบลเยียม ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ

โดยรัฐบาลทั้งสองฝ่ายจะขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากการเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ของภูมิภาค ซึ่งวัลลูนเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของเบลเยียมและยุโรป ขณะที่ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาคอาเซียน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวัลลูนของเบลเยียมมีนโยบายพัฒนาการเป็นศูนย์กลางการขนส่งและกระจายสินค้าของยุโรป โดยได้พัฒนาสนามบินเมืองลิเอจ (Liege) จนครองอันดับ 8 ของสนามบินที่ให้บริการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ที่สำคัญของยุโรป และเป็นฐานการขนส่งและกระจายสินค้าของบริษัทด้านโลจิสติกส์ชั้นนำของโลก โดยสามารถรองรับการขนส่งสินค้าทุกชนิด ซึ่งรัฐบาลวัลลูนต้องการให้ผู้ประกอบการไทยใช้สนามบินเมืองลิเอจเป็นประตูในการขนส่งสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดเบลเยียมและสหภาพยุโรป

“การพัฒนาและสร้างความร่วมมือด้านโลจิสติกส์  เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากมีระบบบริหารจัดการด้านขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ โดยจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาทางด้านการค้าและการลงทุน ประกอบกับในปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศมากถึง 195,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ดังนั้น การกระจายสินค้าและโลจิสติกส์จึงมีบทบาทสำคัญต่อการค้าของไทย ซึ่งตรงกับแนวนโยบายของรัฐบาลวัลลูน ทั้งสองฝ่ายจึงจะส่งเสริมให้ภาคเอกชนใช้ประโยชน์จากช่องทางดังกล่าว เพื่อขยายการค้าระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น” นายอลงกรณ์ กล่าว

ทั้งนี้ ภูมิภาควัลลูนเป็น 1 ใน 3 ของรัฐบาลภูมิภาคของเบลเยียม มีความสำคัญเท่ากับรัฐบาลกลาง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ติดกับฝรั่งเศส มีประชากร 3.4 ล้านคน ใช้ภาษาฝรั่งเศส มีศักยภาพในด้านอุตสาหกรรมหนัก เทคโนโลยีชีวภาพและสิ่งแวดล้อม เภสัชกรรม และการขนส่งโลจิสติกส์ มีสนามบินเมืองลิเอจให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศเป็นอันดับ 1 ในเบลเยียม และอันดับ 8 ของยุโรป

สำหรับการค้ารวมระหว่างไทยกับภูมิภาควัลลูนในช่วง 9 เดือน ของปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 115.13 ล้านยูโร หรือประมาณ 490,000 ล้านบาท โดยไทยเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 31 และเป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 41 ของวัลลูน สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยได้แก่ เครื่องจักรกล อิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ เยื่อกระดาษ ผ้าผืน และพลาสติก เป็นต้น สำหรับสินค้านำเข้าที่สำคัญของไทย ได้แก่ สินแร่โลหะ เซรามิก แก้วและกระจก พลาสติกและยาง เคมีภัณฑ์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นต้น.

ที่มา     : สำนักข่าวไทย, เว็บไซต์รัฐบาลไทย