สถาบันอาหารเผย อียูให้เงินสนับสนุนโครงการความปลอดภัยในอาหาร เชื่อผู้ผลิตอาหารพร้อมบริโภคของไทยจะได้รับประโยชน์
สถาบันอาหารเปิดตัวโครงการ "โครงการเสริมสร้างความสามารถในการจัดการด้านความปลอดภัยของอาหารพร้อมบริโภคของไทย" ซึ่งได้รับงบสนับสนุนจากสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้ผลิตอาหารในการผลิตอาหารพร้อมบริโภค (Ready to Eat - RTE) ให้มีคุณภาพและความปลอดภัยได้มาตรฐานสากลเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันสู่ตลาดอียูและประเทศอื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภคหมายถึง ผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านการปรุงหรือกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ก่อนนำไปแช่แข็ง ส่วนมากจะจำหน่ายแบบแช่แข็งหรือแช่เย็น
นายซามูเอล แคนเทล รองหัวหน้าฝ่ายความร่วมมือ คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวว่า "อียูเป็นผู้นำเข้าสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นตลาดนำเข้าสินค้าอาหารจากไทยที่ใหญ่เป็นอันดับสาม เราหวังว่าโครงการนี้จะช่วยให้ผู้ผลิตอาหารของไทยได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการของระเบียบด้านความปลอดภัยในสินค้าอาหารพร้อมบริโภค"
โครงการ "โครงการเสริมสร้างความสามารถในการจัดการด้านความปลอดภัยของอาหารพร้อมบริโภคของไทย" มีระยะเวลาดำเนินโครงการทั้งสิ้น 18 เดือน (10 มกราคม 2554 – 30 มิถุนายน 2555) ดำเนินงานโดยสถาบันอาหารและผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ และได้รับเงินสนับสนุนจากอียูเป็นจำนวนเงิน 310.747 ยูโร
ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของโครงการ ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญไทยอย่างน้อย 50 คน ได้รับความรู้ความปลอดภัยอาหาร RTE โดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ เจ้าหน้าสถาบันอาหารอย่างน้อย 10 คน ได้รับการฝึกอบรมเรื่อง การจัดการความปลอดภัยของอาหารโดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ
ผู้ประกอบการอย่างน้อยจำนวน 50 คน ได้รับความรู้เรื่องหลักการผลิตอาหาร RTE อย่างปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารโดยผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย โรงงานที่ผ่านการคัดเลือกสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 10 โรงงานได้รับการยกระดับด้านการผลิตอาหาร RTE อย่างปลอดภัยโดยผู้เชี่ยวชาญไทยที่ผ่านการฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษ ผู้ทีสนใจทั่วไปได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้หลังจากผ่านกิจกรรมต่างๆของโครงการอย่างน้อย 200 คน
ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการส่งออกสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรของโลก โดยในปี 2552 ประเทศไทยส่งออกอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารไปยังอียูคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 90,000 ล้านบาท (มากกว่า 2,200 ล้านยูโร) คิดเป็นร้อยละ 15 ของสินค้าทั้งหมดที่ไทยส่งออกไปยังอียู