เนื้อหาวันที่ : 2011-03-07 09:52:03 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2501 views

BWG มั่นใจปีนี้ผลงานเด่น หลังอุตฯขยายตัว

BWG เผยปี 54 อุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องหนุนธุรกิจบำบัดกากฯ ครบวงจรโต แถมรัฐเข้มกำจักกากอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ

BWG มั่นใจปีนี้ขับเคลื่อนธุรกิจบำบัดกากอุตสาหกรรมให้เติบโตได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่องจาก ปี 53 ได้ หลังอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องส่งผลให้กากอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น แถมภาครัฐเข้มข้นเรื่องกำจัดกากอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ

ประการสำคัญปัจจุบัน BWG เป็นผู้ประกอบการรายเดียวในประเทศไทย ที่มีธุรกิจบำบัดกากอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร ทั้งฝังกลบ และเผา โดยผ่านกระบวนการที่ได้มาตรฐาน ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ล่าสุดโชว์ผลงานปี 53 นำร่องปั๊มกำไรโตกว่า 196% พลิกจากขาดทุน 43.91 ลบ. มาเป็นกำไร 41.03 ลบ.สำเร็จ แถมปันผลติดปลายนวมให้ อีก 0.02บ./หุ้น

นางทัศนีย์ ทองดี ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรและการตลาด บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG ผู้ประกอบธุรกิจบัดบัดกากอุตสหกรรมอย่างครบวงจรระดับแนวหน้าของประเทศไทย กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจบำบัดกากอุตสาหกรรมในปี 2554 ว่า มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องจากปี 2553 ได้ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมของประเทศ จึงทำให้ปริมาณกากอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับภาครัฐ

โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้เพิ่มความเข้มข้นในการดูแลโรงงานอุตสาหกรรมให้บำบัดกากอุตสาหกรรมตามมาตรฐานของกรมโรงงานอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีกากอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเข้าบำบัดตามกระบวนการที่ถูกต้องเพิ่ม มากขึ้น ซึ่งถือว่าส่งผลดีต่อธุรกิจของบริษัทฯ โดยตรง เนื่องจากปัจจุบัน บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) ถือเป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่มีกระบวนการรองรับการบำบัดกากอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร ทั้งฝังกลบ นำกลับมาใช้ใหม่ และการเผา โดยทุกกระบวนการได้มาตรฐานของกรมโรงงานอุตสาหกรรม

"ในปีนี้การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมของประเทศก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง ปริมาณกากอุตสาหกรรมก็มีทิศทางเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้กากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอัตรายจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 19 ล้านตัน/ปี จาก 18 ล้านตัน/ปี ในปี 2553 ส่วนกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายคาดว่าจะอยู่ที่ 1.96 ล้านตัน/ปี จากปีก่อนที่อยู่ที่ 2.1 ล้านตัน/ปี ซึ่งถือว่าลดลงเล็กน้อยจากที่ผู้ประกอบการหันมาใช้สารที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง

แต่จากที่รัฐพยายามบังคับใช้กฎหมายให้โรงงานที่มีกากอุตสาหกรรมเหล่านี้เข้ากระบวนการบำบัดที่ถูกต้องเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อ ผู้ประกอบการอย่างชัดเจน รวมทั้ง บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน ที่ปัจจุบันถือว่าเป็นรายเดียวเท่านั้นที่ทำงานด้านนี้อย่างครบวงจร เพราะเรามีหลุมฝังกลบที่ได้มาตรฐานทั้งสำหรับกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตราย และกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย รวมทั้งมีเตาเผาความร้อนสูงแห่งเดียวของประเทศไทยที่อุตสาหกรรมบางปู จึงสามารถรองรับงานด้านนี้ได้อย่างคล่องตัว"

นางทัศนีย์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันการบำบัดกากอุตสาหกรรมของบริษัทอยู่ที่ปีละ 1.5 แสนตัน สำหรับกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตราย และปีละ 1.2 แสนตัน สำหรับกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย โดยหลุมฝังกลบของกากอุตสาหกรรมของทั้ง 2 ประเภท ยังสามารถรองรับกากอุตสาหกรรมได้อีกมาก

นอกจากนั้น ยังไม่รวมพื้นที่การนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ที่สามารถนำมาใช้รองรับกากอุตสาหกรรมได้อีก และการกำจัดกากอุตสาหกรรมด้วยการเผา ดังนั้น ในปีนี้เชื่อว่าจะได้รับผลดีจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นของภาครัฐอย่างชัดเจนต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ที่บริษัทฯ สามารถสร้างผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างโดดเด่นมีกำไรสุทธิเติบโตจาก ปี 2552 เกือบ 200%

ทั้งนี้ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG แจ้งผลการดำเนินงานสำหรับปี 2553 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ว่า มีกำไรสุทธิ 41.03 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.13 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 196 จากปี 2552 ที่ขาดทุนสุทธิ 43.81 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.14 โดยผลกำไรที่เพิ่มขึ้นมาบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้เพิ่มขึ้น

โดยมีรายได้จากการให้บริการกำจัดกากอุตสาหกรรม สำหรับปี 2553 จำนวน 642.03 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2552 จำนวน 457.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 184.60 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 40 เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในปี2553 ไม่มีปัญหาสภาวะเศรษฐกิจเมื่อเปรียบเทียบกับปี2552 ทำให้ธุรกิจอุตสาหกรรมมีการผลิตมากขึ้น ส่งผลให้กากอุตสาหกรรมมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนั้น มีรายได้จากงานก่อสร้างสำหรับปี 2553 จำนวน 71.01 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2552 จำนวน 130.33 ล้านบาท ลดลงจำนวน 59.32 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 46 เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการกำหนดส่งมอบงานในแต่ละงวดงาน และมีรายได้อื่นสำหรับปี 2553 จำนวน 4.36 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ ปี 2552 จำนวน 4.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 0.07 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 2

ในขณะที่บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลง เมื่อเทียบกับรายได้จากการให้บริการโดยต้นทุนจากการให้บริการกำจัดกากอุตสาหกรรม สำหรับปี 2553 และ 2552 จำนวน 443.60 ล้านบาท และ 384.72 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 69 และ 84 ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน

เนื่องจากต้นทุนบางส่วนเป็นต้นทุนคงที่ไม่ได้ผันแปรตามสัดส่วนรายได้ และต้นทุนบางส่วนที่ลดลงเนื่องจากการบริหารจัดการ ต้นทุนจากงานก่อสร้างสำหรับปี 2553 และ 2552 จานวน 61.71 ล้านบาท และ 114.45 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 87 และ 88 ตามลาดับ เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นการรับรู้รายได้ตามวิธีอัตราส่วนงานที่ทำเสร็จ จึงสะท้อนให้กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจาก 88.59 ล้านบาท มาเป็น 207.72 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่นดังกล่าว

ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2554 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในงวดผลประกอบการปี 2553 (1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2553) อัตราหุ้นละ 0.02 บาท โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 27 พฤษภาคม 2554 และบริษัทฯ มีกำหนดจะจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติในมติดังกล่าวในวันที่ 28 เมษายน 2554