อากาศร้อน นอกจากจะทำให้หงุดหงิด สุขภาพจิตเสื่อมแล้ว ยังทำให้เกิดโรคผิวหนังขึ้นได้หลายอย่าง วันนี้มีวิธีการระวัง และการดูแลรักษาอย่างง่าย ๆ มาฝากเพื่อให้ผ่านพ้นหน้าร้อนอันแสนทรมานได้อย่างสบาย ๆ
นพ.ประวิตร พิศาลบุตร
ช่วงนี้บ้านเรากำลังก้าวเข้าสู่ฤดูร้อนซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงที่ทรมานที่สุดสำหรับหลาย ๆ คน ช่วงระยะเดือนเมษายนและพฤษภาคมจัดเป็นช่วงที่บ้านเราร้อนอบอ้าวมาก ผลเสียของอากาศร้อน นอกจากทำให้หงุดหงิด สุขภาพจิตเสื่อมแล้ว ยังทำให้เกิดโรคผิวหนังขึ้นได้หลายอย่าง ซึ่งอาจเกิดจากอากาศที่ร้อนโดยตรงหรือโดยอ้อม เช่น หวังหนีร้อนไปชายทะเล เพื่อเล่นน้ำแต่กลับโดนแมงกระพรุน เป็นต้น ปัญหาต่างๆ เหล่านี้บางครั้งไม่ใหญ่โต หากทราบสาเหตุและรู้วิธีการระวัง รวมถึงการดูแลรักษาอย่างง่ายๆ ก็จะช่วยได้มาก
ปัญหาแรกที่พบบ่อยในหน้าร้อนคือ การเป็นผด ผดมักเกิดในเด็กมีลักษณะเป็นเม็ดใสๆ เล็กๆ สีออกแดงเป็นตามหน้าผาก ใบหน้า ซอกคอและหน้าอก เกิดจากการคั่งค้างของเหงื่อในผิวหนัง ดังนั้นในหน้าร้อนอากาศที่ร้อนทำให้เหงื่อออกมากจึงก่อให้เกิดผดได้มาก อาจไม่มีอาการใดๆ ร่วม หรือบางทีมีอาการคันแสบด้วย ควรเลือกเสื้อผ้าที่โปร่งบาง พยายามอย่าอยู่ในที่ร้อนอบอ้าว
บางคนเมื่อถูกอากาศร้อนจะเกิดตุ่มคันเล็กๆ ไม่โตเป็นปื้นเหมือนลมพิษธรรมดา ตุ่มตันแบบนี้ทำให้เกิดอาการคันยุบๆ ยิบๆ ลมพิษชนิดนี้อาจถูกกระตุ้นให้เกิดโดยความร้อนหรือแสงแดด บางคนเกิดตอนเล่นกีฬา ตอนรับประทานอาหารร้อนๆ หรือมีความเคร่งเครียด รับประทานยาแก้แพ้จะช่วยให้ดีขึ้นได้
ปัญหาต่อไปคือปัญหาเรื่องกลิ่นตัว ซึ่งเกิดจากการที่แบคทีเรียทำปฏิกริยากับเหงื่อไคลและสารที่หลั่งออกมาจากต่อมบริเวณรักแร้แล้วเกิดเป็นสารใหม่ขึ้น ความรุนแรงของกลิ่นตัวนั้นมากน้อยแล้วแต่ละคนไป อากาศร้อนทำให้มีเหงื่อไคลมาก เกิดการอับชื้นและมีการเจริญเติบโตของแบคทีเรียมาก ทำให้มีกลิ่นตัวฉุนมากขึ้นได้ การป้องกันอย่างง่ายๆ ก็คือพยายามอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณรักแร้รวมถึงการใช้สบู่ยาฟอก นอกจากนั้นยังมียาดับกลิ่นที่มีสารลดการหลั่งของเหงื่อและต่อมบริเวณนี้ได้ ซึ่งยาพวกนี้มักมีกลิ่นหอมผสมอยู่ด้วย การดูแลรักษาเสื้อผ้าให้สะอาดก็เป็นการลดกลิ่นตัวได้เช่นกัน เพราะบางครั้งกลิ่นตัวนั้นติดอยู่กับเสื้อผ้า
ปัญหาอีกอย่างคือโรคเกี่ยวกับเชื้อรา ซึ่งมีโอกาสเจริญเติบโตได้มากในระยะที่อากาศร้อน เพราะเมื่อมีเหงื่อออกก็ทำให้ผิวหนังอับชื้น ที่พบได้บ่อยคือ สังคังซึ่งเกิดจากเชื้อราธรรมดานี้เอง มักพบในผู้ชายที่นุ่งกางเกงหนาๆ และรัดมากๆ ทำให้มีการอับชื้นบริเวณนี้ เชื้อราจึงเจริญเติบโตได้มาก ผิวหนังจะอักเสบเป็นผื่นแดงมีขุยที่ขาหนีบและมีอาการคันมาก การป้องกันก็คือต้องพยายามดูแลให้บริเวณนี้แห้ง เช่น เลือกกางเกงในบางๆ หลวมๆ ใช้แป้งฝุ่นโรยช่วย ส่วนการรักษานั้นมีทั้งยาทาฆ่าเชื้อราและยากินที่ได้ผลดี นอกจากนี้เชื้อราอื่นๆ เช่น เกลื้อน ก็พบได้มากในหน้าร้อน
สำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลาย ปัญหาที่อาจพบหรือเป็นมากขึ้นในหน้าร้อนก็คือ ปัญหาการเป็นฝ้า และกระ ฝ้าจะเป็นปื้นออกสีน้ำตาล มักเป็นตามโหนกแก้ม ดั้งจมูก ริมฝีปากและเหนือคิ้ว ส่วนกระเป็นจุดสีน้ำตาลเล็กๆ ไม่รวมกันเป็นปื้น ทั้ง 2 อาการนี้แสงแดดมีส่วนกระตุ้นให้เข้มขึ้นได้ โดยเฉพาะเวลาหน้าร้อนซึ่งมีแดดจัด ฝ้าและกระจึงเข้มขึ้น การใช้ยากันแดดช่วยป้องกันไม่ให้ภาวะนี้เป็นมากขึ้นได้
ท่านที่คิดจะไปพักผ่อนตามชายทะเล ควรจะต้องระวังอันตรายไว้บ้าง ปัญหาที่พบได้บ่อยคือ ถูกแมงกระพรุนไฟ ธรรมชาติของแมงกระพรุนชอบอาศัยอยู่ตามน้ำตื้น ๆ ที่ไม่เค็มจัดและที่มีอากาศร้อน อันตรายจากแมงกระพรุนนั้นอยู่ที่หนวดของมันที่เป็นสายห้องลงมาและมีเข็มพิษอยู่มากมาย เมื่อสัมผัสกับผิวหนังของเราจะรู้สึกแสบและมีอาการนูนแดงขึ้นตามผิวหนัง ลักษณะเป็นแนวตามรอยที่สัมผัสกับสายหนวด
การปฏิบัติตัวเมื่อโดนแมงกระพรุนไฟคือ ให้รีบขึ้นจากน้ำแล้วล้างด้วยน้ำทะเลอย่าใช้น้ำจืด เพราะพิษจะยิ่งกระจาย ขั้นต่อมาคือ ใช้แอลกอฮอล์หรือสารพวกที่ทำให้เนื้อนุ่ม เช่นยางมะละกอทาเพื่อทำลายพิษของมันแล้วจึงใช้ผงแป้งผงโซดาปิ้งขนมปัง หรือทรายโปรยบนแผลแล้วถูเอาหนวดออก อาจใช้มีขูดถ้าใช้มือถูให้สวมถุงมือเสียก่อน ต่อจากนั้นต้องไปพบแพทย์ซึ่งแพทย์จะให้ยาแก้ปวด แก้คัน และอาจใช้ยาฆ่าเชื้อบักเตรีพร้อมไปกับการดูแลแผลต่อไป ทั้งนี้เพราะแผลจากแมงกระพรุนหายยากมากและอาจเกิดแผลเป็นนูนโตที่เรียกว่าคีลอยด์ตามมา
ส่วนพวกปะการังนั้น เมื่อเราถูกบาดจะก่อปัญหาได้มาก ทั้งนี้เพราะอาจมีเศษปะการังตกค้างในบาดแผลต้องฟอกบาดแผลโดยใช้น้ำสบู่ให้เศษของมันหลุดออกจนหมด ต่อจากนั้นให้ใส่น้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ให้เกิดฟองฟู่ทิ้งไว้หลาย ๆ นาที รอจนแผลแห้งแล้วทาด้วยแอลกอฮอร์เสร็จแล้วจึงใส่ยาฆ่าเชื้อบักเตรี ถ้ามีเศษปะการังตกค้างอยู่แผลอาจไม่หาย จำเป็นต้องใช้การผ่าตัดเข้าช่วย
อีกตัวหนึ่งที่อยากเตือนคือ หอยเม่น ลักษณะของมันคือมีหนามแหลมรอบตัว เมื่อเผลเหยียบมันเข้าจะถูกหนามนี้ตำเกิดอาการเจ็บปวดมาก ให้จุ่มเท้าข้างที่โดนตำนั้นลงในน้ำที่ร้อนที่สุดเท่าที่จะทนได้จนอาการปวดนั้นหายไป ถ้าดึงหนามออกได้ง่าย ๆ ก็ให้ดึงเสีย แต่ถ้าดึงไม่ออกให้ทิ้งไว้เศษหนามที่ค้างอาจกลายเป็นตุ่มนูนได้นาน ๆ บางครั้งอาจต้องใช้การผ่าตัดเข้าช่วย ทางที่ดีคือ ป้องกันไว้โดยไม่เดินเท้าเปล่าตามทะเลคงดีกว่า
หวังว่าทุกท่างคงผ่านพ้นหน้าร้อนอันแสนทรมานนี้ไปได้โดยปราศจากโรคผิวหนัง และอันตรายต่าง ๆ ตามที่ได้กล่าวมา หรือหากเกิดปัญหาขึ้นก็คงพอเข้าใจสาเหตุและการดูแลรักษาอย่างง่าย ๆ ด้วยจนเองได้ ถ้าเกินความสามารถควรปรึกษาแพทย์น่าจะดีที่สุด