‘AGE’ ซื้อถ่านหินเพิ่ม 6 แสนตัน เชื่อผลงานแจ่มหนุน W1 เทรดคึกคัก
ผู้บริหาร เอเชียกรีน เอนเนอจี มั่นใจหุ้นลูก AGE-W1 เข้าเทรดในกระดานวันแรก 1 มีนาคมนี้ คึกคัก ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก เพราะผลประกอบการในอนาคตมีแนวโน้มเติบโตสูง ล่าสุดลงนามซื้อถ่านหินเพิ่ม 600,000 ตัน รองรับออเดอร์จากจีนที่โตกว่าคาด แถมราคาพลังงานยังคงอยู่ในระดับสูง เผยเตรียมชงบอร์ดอนุมัติเงินปันผลต้นเดือนมีนาคม
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอเชียกรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามในการซื้อถ่านหินจากประเทศอินโดนีเซีย เพื่อส่งออกเพิ่มอีก 600,000 ตัน เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากประเทศจีนที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งภายในไตรมาส 1/2554 มีคำสั่งซื้อจากประเทศจีนกว่า 150,000 ตัน
“ถ่านหินที่ลงนามซื้อเพิ่มเข้ามา 600,000 ตัน จะคิดเป็นมูลค่าขายรวม 1,300 ล้านบาท ซึ่งปีนี้มียอดคำสั่งซื้อจากประเทศจีนเข้ามาสูงมาก เนื่องจากเศรษฐกิจจีนยังอยู่ในช่วงขยายตัว ทำให้มีความต้องการถ่านหินสูง” นายพนม กล่าว
นายพนม กล่าวถึงใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่หนึ่งหรือAGE-W1 ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์พร้อมหุ้นเพิ่มทุนใหม่ในวันที่ 1 มีนาคม 2554 นี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทที่ผ่านมา มีผลงานดีรวมถึงเป้าหมายใหม่ ปี2554 ยอดขายถ่านหินปีนี้น่าจะโตได้ไม่น้อยกว่า 50% เนื่องจากยอดสั่งซื้อจากจีนเพิ่มขึ้นเกินกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ สำหรับตลาดในประเทศจะโตประมาณ 30%
นอกจากนี้ปัจจัยบวกที่สำคัญคือราคาพลังงานทั่วโลกกำลังปรับตัวสูงขึ้นจากปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลางทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วรวมถึงราคาถ่านหินก็จะไปในทิศทางเดียวกัน ประกอบกับระยะสั้นนี้จีนยังมีความต้องการถ่านหินอีกมาก เชื่อว่าราคาถ่านหินน่าจะยังทรงตัวในระดับสูงปัจจุบันอยู่ในระดับ125-130 เหรียญต่อตัน
นายพนม กล่าวเสริมด้วยว่าหลังจากเปิดให้มีการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน35 ล้านหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนอัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน โดยผู้จองจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญหรือ AGE-W1 อัตรา 1 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 2 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ระยะเวลาใช้สิทธิภายในสามปี ทำให้หุ้นAGEได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากตอนนี้มีจำนวนผู้ถือหุ้นหลังเพิ่มทุนแล้วรวมกว่า 3,000ราย จากความมั่นใจว่าบริษัทจะมีแนวโน้มเติบโตในอนาคตตามแผนระยะยาวห้าปี(2554-2558)ที่ได้ประกาศไปแล้ว