1. กรมส่งเสริมการส่งออกปลื้ม ยอดส่งออกเฟอร์นิเจอร์พุ่ง
- อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ปี 53 เป็นปีที่อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนประสบความสำเร็จอีกปีหนึ่ง เพราะการส่งออกมีมูลค่าถึง 1,172.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัวจากปีก่อนร้อยละ 17.0 และยังนับว่าทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1,122 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยมูลค่าการส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.6ของมูลค่าการส่งออกรวม สำหรับสถานการณ์การส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนในปี 54 นี้กรมส่งเสริมการส่งออกตั้งเป้าหมายที่จะขยายการส่งออกร้อยละ 10 จากปี 53 หรือคิดเป็นมูลค่า 1,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- สศค.วิเคราะห์ว่า การส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนในปี 53 ที่ขยายตัวดีเป็นผลมาจากการส่งออกไปยังตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐฯ ที่เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1ของสินค้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน (สัดส่วนร้อยละ 23.2) ที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 24.1 คิดเป็นแหล่งที่มาของการขยายตัว (contribution to growth) ร้อยละ 5.9 รองลงมาคือตลาดอินโดนีเซีย ที่ถึงแม้จะมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 3.0 ของมูลค่าส่งออกเฟอร์นิเจอร์ในปี 53 แต่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 106.5 จึงเป็นแหล่งที่มาของการขยายตัวถึงร้อยละ 3.2 และอินเดียที่เป็นแหล่งที่มาของการขยายตัวร้อยละ 1.2 (สัดส่วนร้อยละ 2.4)
2. ข้าวเปลือกเขมรลอบเข้าไทยเดือนละ 1พันตัน
- หนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา และหนังสือพิมพ์กัมพูชาเทม็ย ฉบับวันที่ 27 ก.พ. 54 เสนอข่าวว่ามีข้าวเปลือกเขมรลักลอบส่งเข้าประเทศไทยบริเวณช่องทางเถื่อนชายแดน จ.สระแก้ว เดือนละกว่า 10 ล้านกิโลกรัม โดยพ่อค้าต้องจ่ายเงินให้ จนท.ชายแดนทั้งไทยและเขมร 300 - 800 บาท ต่อรถ 1 คัน ขณะเดียวกันด่านศุลกากรอรัญประเทศรายงานว่า สามารถจับกุมการลักลอบนำข้าวเปลือกจากเขมรเข้าประเทศได้จำนวน 17 คดี เป็นข้าวเปลือกเจ้าจำนวน 89,540 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 508,440 บาท
- สศค.วิเคราะห์ว่า การลักลอบนำเข้าข้าวจากประเทศกัมพูชาเป็นผลจากเจ้าหน้าที่และกองกำลังของไทยรวมทั้งเจ้าหน้าที่กัมพูชาได้ผ่อนผันเพื่อลดความตึงเครียดตามแนวชายแดนในฤดูฝนปีที่ผ่านมา ประกอบกับผลผลิตข้าวนาปีในประเทศไทยซึ่งเก็บเกี่ยวได้ในช่วงนี้ลดลง โดยการคาดการณ์ผลผลิตข้าวนาปีที่จะเก็บเกี่ยวได้ในปีนี้อาจจะลดลง 1,076,261 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 4.63 เมื่อเปรียบเทียบกับผลผลิตในปีก่อนหน้า
3. จีนลดเป้าเศรษฐกิจโต เหลือร้อยละ 7
- นายกรัฐมนตรี เวินเจียเป่า แห่งจีน กล่าวว่า รัฐบาลได้จีนได้ตั้งเป้าอัตราเฉลี่ยการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะ 5 ปีข้างหน้าที่ร้อยละ 7 จากเดิมที่ร้อยละ 8 เนื่องจากหวั่นเกรงว่า เศรษฐกิจของประเทศอาจเติบโตอย่างร้อนแรงจนเกินไป ดึงดูดกระแสทุนเข้ามา และผลักดันราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า เนื่องจากความกังวลของภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนผ่านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังออกมาตรการเพื่อควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้สูงจนเกินไป ได้แก่ การปรับค่าเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้นร้อยละ 0.25 (ณ 25 ก.พ. 2554) และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากร้อยละ 0.25 ส่งผลให้คาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวชะลอลงต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ทั้งนี้ สศค. คาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวร้อยละ 9 หรือในช่วงคาดการณ์ร้อยละ 8.5-9.5 ส่วนหนึ่งจากปัจจัยฐานสูง (คาดการณ์ ณ ธ.ค. 2553)
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง