ไอเอ็นจี ลุยส่งกอง ไอเอ็นจี อิควิตี้ ทริกเกอร์ (3) ต่อเนื่องหลังกระแสกอง 2 แรงความต้องการล้น มั่นใจหุ้นไทยมีโอกาสขยับดัน NAV แตะ 11.20 บาท
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด
ไอเอ็นจี ลุยส่งกอง ไอเอ็นจี อิควิตี้ ทริกเกอร์ (3) ต่อเนื่องหลังกระแสกอง 2 แรงความต้องการล้น มั่นใจหุ้นไทยมีโอกาสขยับดัน NAV แตะ 11.20 บาท
บลจ.ไอเอ็นจี สบช่องส่ง “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3)” ลงตลาดทันที หลังกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ (2) ประสบผลสำเร็จเกินคาด จนปิดการขายด้วยยอดพันล้านบาทได้ภายใน 4 วัน เผยนโยบายลงทุนคงเดิม ทั้งเทคนิคจับจังหวะการลงทุน การคัดกรองหุ้นพื้นฐานดี
มั่นใจพื้นฐานหุ้นไทยยังมีโอกาสเติบโตอย่างโดดเด่น ส่งผลให้พิชิตเป้าหมายผลตอบแทนได้ในเวลาไม่ยาวนาน ชี้หาก NAV แตะ 11.20 บาท ณ วันใดวันหนึ่ง พร้อมซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทันที เสนอขายเพียงครั้งเดียว ระหว่าง 23 กุมภาพันธ์- 3 มีนาคมนี้ จองขั้นต่ำ 2,000 บาท
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ บลจ.ไอเอ็นจี ได้ออกและเสนอขายหน่วยลงทุนของ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2)” ในระหว่างวันที่ 8-15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก จนทำให้กองทุนดังกล่าวสามารถปิดการขายด้วยการยอดขายที่สูงจนเต็มมูลค่าโครงการที่ 1 พันล้านบาทในเวลาเพียง 4 วันนับจากเปิดจอง และยังมีลูกค้าจำนวนหนึ่งพลาดโอกาสในการลงทุน
ทำให้ บลจ.ไอเอ็นจี ตัดสินใจออก “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ (3)” (ING Thai Equity Trigger 10% Fund (3)) เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ถึง 3 มีนาคม 2554 จองซื้อขั้นต่ำ 2,000 บาท
สำหรับกองทุนดังกล่าว มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีผลประกอบการดี มีแนวโน้มการเติบโตสูง และการใช้เทคนิคเรื่องการจับจังหวะที่เหมาะสมในการเข้า-ออกตลาด เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนตามเป้าหมาย
โดยเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิ (NAV) เพิ่มขึ้นจากราคาเสนอขายครั้งแรกที่ 10 บาท ไปอยู่ที่ 11.20 บาทต่อหน่วย ณ วันใดวันหนึ่ง กองทุนก็จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดโดยอัตโนมัติ พร้อมเลิกกองทุน และนำเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนไปลงทุนใน กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์ ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดเงิน ที่มีสภาพคล่องสูงสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ
“เชื่อว่า “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3)” จะตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี หลังจากที่กองที่ 2 ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นที่บริษัทสามารถสร้างผลงานที่ดีจาก กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% กองแรกที่ใช้ระยะเวลาเพียง 4 เดือน 15 วัน สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 12.70%
ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ที่ 8.07% (ระยะเวลา 2 เมษายน-17 สิงหาคม 2553) ทำให้กองที่สองได้รับการตอบรับอย่างคึกคักต้องปิดจองซื้อก่อนกำหนดภายใน 4 วันแรก มียอดจองซื้อมากกว่าขนาดของกองทุนที่กำหนดไว้ที่ 1,000 ล้านบาท จนเข้าสู่ยอดกรีนชู 15% ซึ่งความสนใจของนักลงทุนประการสำคัญน่าจะอยู่ที่การกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนที่แน่นอน (Absolute Return) ของกองทุน อีกทั้งการตั้งเป้าหมายผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นที่ไม่สูงมากนัก จึงทำให้มั่นใจว่าที่ระดับผลตอบแทนดังกล่าวสามารถเป็นจริงได้ภายในระยะเวลาไม่นาน ภายใต้สภาพแวดล้อมการลงทุนที่เอื้ออำนวย” นายต่อกล่าว
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวด้วยว่า การที่ในช่วงที่ผ่านมาภาวะตลาดหุ้นไทยเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนีมีการปรับตัวขึ้นลงอย่างรุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3) เนื่องจากกองทุนประเภทนี้จะเหมาะกับตลาดที่มีความผันผวน ด้วยเทคนิคการจับจังหวะการลงทุน (Market Timing)
โดยผู้จัดการกองทุนจะหาช่วงเวลาที่ดีในการซื้อขายหุ้นเพื่อทำกำไรเป็นรอบ แม้ดัชนีจะมีการแกว่งตัวอยู่ในกรอบจำกัดก็ตาม ขณะที่เทคนิคการคัดเลือกและการให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดี (Stock Selection) ก็จะส่งผลให้การปรับขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุนมีมากกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ จึงเชื่อว่าด้วยเทคนิคการบริหารข้างต้นจะทำให้กองทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายได้
นอกจากนี้ ในสัปดาห์ที่แล้วจะเห็นได้ว่า มีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติจนทำให้มีสถานะซื้อสุทธิติดต่อกันถึง 3 วันทำการ แต่แรงซื้อดังกล่าวก็ยังถือว่าไม่มากหากเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่นักลงทุนต่างชาติมีการขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มองว่าแรงซื้อที่เข้ามาในรอบนี้หากกลับเข้ามาเท่าเดิมก็จะช่วยผลักดันดัชนีให้สามารถปรับตัวขึ้นไปได้ใกล้เคียงหรือมากกว่าจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ได้ ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเติบโตได้ในราว 17%-18% จึงไม่ยากที่จะได้เห็นดัชนีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยเสริมที่จะสนับสนุนโอกาสในการสร้างผลตอบแทนของ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3)” ให้เข้าสู่เป้าหมายในระยะเวลาที่ไม่นานนัก
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต ของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
เอกสารการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมฉบับนี้มิได้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน