บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เผยแนวโน้มรายได้ปีนี้หลุดเป้า กำไรหด เตรียมทบทวนนโยบายใหม่ เล็กรุกผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กป้อนนิคมอุตสาหกรรม พร้อมบุกก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งในและนอกประเทศ คาดปลายปีเห็นผลงานอย่างชัดเจน
. |
บริษัท ราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เผยแนวโน้มรายได้ปีนี้หลุดเป้า กำไรหด เหตุหยุดซ่อมโรงไฟฟ้า 4 แห่งเตรียมทบทวนนโยบายใหม่ เล็กรุกผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กป้อนนิคมอุตสาหกรรม พร้อมบุกก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งในและนอกประเทศ คาดปลายปีเห็นผลงานอย่างชัดเจน ส่วนผลกำไรในปี 2550 ยอมรับรายได้หด 10% ยันปันผลจ่ายเพิ่มขึ้น เผยเตรียมงบ 2.5 หมื่นล้าน รองรับธุรกิจใน 5 ปี |
. |
นายณรงค์ สีตสุวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมทบทวนนโยบายการดำเนินธุรกิจ โดยมีแผนที่จะเข้าประมวลการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ในนิคมอุตสาหกรรมและแหล่งอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อตอบสนองนโยบายของภาครัฐที่ให้การสนับสนุนภาคเอกชนก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็กโดยคาดว่าปลายปีนี้น่าจะเริ่มเห็นผลงานอย่างชัดเจน |
. |
สำหรับสาเหตุที่บริษัทหันมารุกธุรกิจการประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากในอนาคตแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้านอกระบบ เช่น การใช้ไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าในระบบลดลงเรื่อย ๆ ทางขณะกรรมการของบริษัท จึงมีการศึกษาและทบทวนนโยบายใหม่ จริง ๆ แล้วเราได้เตรียมความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าเอสพีพีไว้แล้วแต่ในช่วงนี้ใกล้เปิดประมูลไอพีพี เราก็ต้องจัดการให้แล้วเสร็จก่อน หลังจากนั้นคาดว่าปลายปีก็จะเริ่มมีความชัดเจนเรื่องประมูลเอสพีพี ซึ่งการปรับแนวธุรกิจครั้งนี้ ถือว่าเป็นการทบทวนนโยบายการทำธุรกิจของราชบุรี เพราะก่อนหน้านี้เรามีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่เข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก นายณรงค์ กล่าว |
. |
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2550 นายณรงค์ กล่าวว่า คาดว่ากำไรสุทธิจะลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่จะมีกำไรสุทธิ 6.1 พันล้านบาท ขณะที่รายได้คาดว่าจะลดลงประมา 10% จากปี 2549 ที่มีรายได้ 5.1 หมื่นล้านบาท โดยสาเหตุที่ผลการดำเนินงานลดลง เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะมีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่โรไฟฟ้า 4 โรง จำนวน 57 วัน ในช่วงตั้งแต่เดือนมิถุนายน-ธันวาคม ส่งผลให้กำลังการผลิตโดยรวมลดลง อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่าในปี 2551 รายได้จะขยายตัวมากขึ้นเนื่องจากจะมีกำลังการผลิตใหม่จากโรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ เข้ามาเพิ่ม ในส่วนของนโยบายการจ่ายปันผลนั้น ยังคงรักษานโยบายการจ่ายปันผลอัตราที่เพิ่มขึ้น แม้กำไรจะลดลง แต่บริษัทยังมีกำไรสะสมอยู่ โดยมั่นใจว่าอัตราเงินปันผลงวดผลการดำเนินการงานปี 2550 จะสูงกว่าอัตราเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2549 ที่จ่ายปันผลรวมหุ้นละ 2.10 บาท นายณรงค์ กล่าว |
. |
นายณรงค์ยังได้กล่าวถึงแผนการลงทุนของบริษัทว่า ขณะนี้ได้จัดสรรงบการลงทุนในช่วง 5 ปี (2550-2554) ไว้จำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวได้รวมการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหม่ (IPP) ไว้แล้ว โดยในปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท และปีหน้าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาทอย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอสำหรับการลงทุน แต่ในอนาคตช่วงปี 2554 หากเงินทุนที่มีอยู่ไม่เพียงพออาจทำการกู้ยืมเงินเพื่อมาลงทุนได้ |
. |
สำหรับความคืบหน้าในการเข้าร่วมประมูลไอพีพีรอบใหม่ บริษัทจะส่งทั้งตัวเองและบริษัทไตรเจนเนอจี้ เข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ด้วย โดยคาดว่าการประมูลจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ปี 2550 นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศพม่า ในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ โดยจะเข้าร่วมกับพันธมิตรเอกชนในประเทศไทยก่อสร้างโครงการดังกล่าว ซึ่งขณะนี้บริษัทกำลังพิจารณาการลงทุนหลายโครงการ แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ ในเบื้องต้นคาดว่าปลายปีนี้จะได้ข้อสรุปผลการเจรจา ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 คงจะสร้างเสร็จในปี 2556 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิมที่คาดไว้ |
. |
ส่วนที่ประชุมคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ก็ได้อนุมัติงบลงทุนปี 2551 จำนวน 3.4 หมื่นล้านบาท โดยเป็นเงินกู้จำนวน 1 หมื่นล้านบาท ที่เหลือเป็นกระแสเงินสดของ กฟผ. โดย กฟผ.จะลงทุนในโรงไฟฟ้า 8.5 พันล้านบาท และสายส่งอีก 1,500 ล้านบาท ขณะที่เงินกู้นั้นจะมาจากต่างประเทศ 7,500 ล้านบาท และกู้ในประเทศ 2,500 ล้านบาท นอกจากนี้ ที่ประชุมยังอนุมัติเซ็นเอ็มโอยูกับกรมชลประทาน ลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าท้ายเขื่อน 4.7 พันล้านบาท นายณรงค์ กล่าวเพิ่มเติม |