เนื้อหาวันที่ : 2011-02-17 10:07:30 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2816 views

พลังงานแจงสถานการณ์น้ำมัน เร่งคุมเข้มปั๊ม LPG - NGV

กรมธุรกิจพลังงานเผยสถานการณ์น้ำมันเชื้อเพลิงยอดใช้เดือน ม.ค. 54 ลดลง ชี้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่กระทบส่งออกเชื้อเพลิง พร้อมเร่งคุมเข้มความปลอดภัยปั๊ม LPG - NGV

กรมธุรกิจพลังงานเผยสถานการณ์น้ำมันเชื้อเพลิงยอดใช้เดือน ม.ค. 54 ลดลง ชี้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่กระทบส่งออกเชื้อเพลิง พร้อมเร่งคุมเข้มความปลอดภัยปั๊ม LPG - NGV

กรมธุรกิจพลังงานเผยสถานการณ์น้ำมันเชื้อเพลิงเดือนมกราคม 2554 ยอดใช้น้ำมันปรับลดจากสิ้นปี 53 ชี้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่กระทบส่งออกเชื้อเพลิงไปกัมพูชา พร้อมยืนยันมีน้ำมันเพียงพอแม้โรงกลั่น 2 ค่ายหยุดช่วงต้นปี ด้านการตรวจสอบคุณภาพน้ำมัน ยังพบปั๊มทำผิดส่วนใหญ่เป็นปั๊มอิสระ พร้อมเร่งกวดขันปั๊ม LPG - NGV เติมก๊าซให้เฉพาะรถที่มีสติ๊กเกอร์ยืนยันการตรวจสอบจากกรมขนส่งทางบก

นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์การใช้น้ำมันในเดือนมกราคม 2554 ว่า มีการใช้ลดลงจากเดือนธันวาคม 2553 เกือบทุกชนิด โดยกลุ่มน้ำมันเบนซินลดลง 6% จาก 21.4 ล้านลิตร/วัน เหลือเพียง 20.1 ล้านลิตร/วัน เช่นเดียวกับการใช้กลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็วซึ่งลดลง 1% จาก 53.7 ล้านลิตร/วัน เป็น 53.2 ล้านลิตร/วัน และการใช้ NGV ลดลง 1% จาก 5,840 ตัน/วัน เป็น 5,770 ตัน/วัน ยกเว้นการใช้ LPG ที่มีการใช้538,000 ตัน/เดือน เพิ่มขึ้น 4%

ทั้งนี้เป็นผลจากช่วงเดือนธันวาคม 2553 มีวันหยุดเทศกาลติดต่อกันหลายช่วง ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2553 ที่ผ่านมา แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ (1-12) ที่ผ่านมา การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินมีปริมาณ 21.3 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2554 6% เป็นผลจากเทศกาลตรุษจีนเมื่อต้นเดือน ในขณะที่การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลมีปริมาณ 52.3 ล้านลิตร/วัน ลดลง 2%

การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินลดลง โดยน้ำมันเบนซิน 91 และ 95 อยู่ที่ 8.1 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2553 6% และการใช้แก๊สโซฮอล์ อยู่ที่ 12.0 ล้านลิตร/วัน ลดลง 6% มีเพียงน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 85 เท่านั้นที่เพิ่มขึ้น 9% จาก 0.011 ล้านลิตร/วัน มาอยู่ที่ 0.012 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 85 มีจำนวนเพิ่มขึ้น และเป็นผลจากที่รัฐบาลลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ อี 85 ร้อยละ 3 และลดอากรนำเข้ารถยนต์ อี 85 จากร้อยละ 80 เหลือร้อยละ 60 รวมถึงการลดอากรนำเข้าชิ้นส่วนด้วย

นอกจากนี้ ในส่วนของการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา อยู่ที่ 35.6 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 2% ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดให้น้ำมันดีเซลมีราคาไม่เกิน 30 บาท/ลิตร เพื่อบรรเทาปัญหาราคาน้ำมันแพง ประชาชนจึงหันมาใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดามากขึ้นเพราะราคาใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 และส่งผลให้การใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 มีปริมาณเพียง 16.9 ล้านลิตร/วัน หรือลดลง 7%

นอกจากนี้เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันปาล์มแพงและลดปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์มดิบ รัฐบาลได้ชะลอการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2554 และปรับสัดส่วนการผสมน้ำมันดีเซลหมุนเร็วกับบี 100 จาก 3% เหลือเพียง 2% เป็นการชั่วคราวตั้งแต่ 1 - 31 มีนาคม 2554

สำหรับการใช้ LPG อยู่ที่ระดับ 538,000 ตัน/เดือน หรือ 17,400 ตัน/วัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2553 4% ทั้งนี้เป็นการเพิ่มขึ้นในส่วนภาคปิโตรเคมี โดยใช้เพิ่มขึ้น 13% อยู่ที่ 188,000 ตัน/เดือน หรือ 6,100 ตัน/วัน และภาคขนส่ง เพิ่มขึ้น 0.4% อยู่ที่ 67,000 ตัน/เดือน หรือ 2,200 ตัน/วัน ในขณะที่การใช้ในภาคครัวเรือนลดลง 0.3% เหลืออยู่ที่ 219,000 ตัน/เดือน หรือ 7,000 ตัน/วัน และการใช้ในภาคอุตสาหกรรมไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนธันวาคม 2553 โดยอยู่ที่ 64,000 ตัน/เดือน หรือ 2,100 ตัน/วัน อย่างไรก็ตามในเดือนมกราคม 2554 มีการนำเข้า LPG จากต่างประเทศเป็นปริมาณ 114,000 ตัน มูลค่ารวม 3,300 ล้านบาท

ด้านการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงมีปริมาณรวมทั้งหมด 782,000 บาร์เรล/วัน มูลค่านำเข้า 67,600 ล้านบาท ลดลงจากเดือนธันวาคม 2553 18% และ 15% ตามลำดับ แบ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ 736,000 บาร์เรล/วัน ลดลง 18% มูลค่านำเข้า 64,000 ล้านบาท ลดลง 14% และการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป 46,000 บาร์เรล/วัน ลดลง 24% มูลค่านำเข้า 3,600 ล้านบาท ลดลง 25% ซึ่งการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเป็นการนำเข้า LPG กว่า 90% ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปมีปริมาณ 153,000 บาร์เรล/วัน เป็นมูลค่าส่งออก 14,500 ล้านบาท โดยปริมาณการส่งออกลดลง 23% และมูลค่าลดลง 19% ตามลำดับ

สถานการณ์การค้าพลังงานชายแดนไทย-กัมพูชา
ด้านสถานการณ์การค้าพลังงานชายแดนไทย-กัมพูชา ประเทศไทยยังมีการส่งออกเชื้อเพลิงไปประเทศกัมพูชาตามปกติ โดยในปี 2553 ที่ผ่านมาประเทศไทยส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันอากาศยาน และน้ำมันเตา ไปเป็นจำนวน 441.5 ล้านลิตร และส่งออก LPG ไปประเทศกัมพูชา เป็นจำนวน 3,224 เมตริกตัน

แผนการหยุดซ่อมบำรุงประจำปีของโรงกลั่น
ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2554 โรงกลั่นบางจากปิดฉุกเฉิน เนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อ 14 มกราคม 2554 และอยู่ในช่วงปิดซ่อมบำรุงประจำปี พร้อมกับโรงกลั่น PTTAR ในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้น้ำมันสำเร็จรูปบางส่วนขาดหายไป โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล น้ำมันเจ็ทเอ 1 น้ำมันเตา และ LPG

แต่ปัจจุบัน โรงกลั่นผลิตน้ำมันได้มากกว่าความต้องการใช้ในประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้ปริมาณน้ำมันคงเหลืออยู่ในระดับสูง และจำเป็นต้องส่งออกทุกเดือน ธพ. ได้ประสานผู้ค้าน้ำมันและโรงกลั่นให้ลดการส่งออกลง ทำให้ปริมาณน้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้น สามารถทดแทนส่วนที่ขาดหายไปได้ส่วนหนึ่ง และได้ประสานกับโรงกลั่นบางจากซึ่งขณะนี้มีการนำเข้าน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอีกจำนวน 12 ล้านลิตรแล้ว เพื่อป้องกันการขาดแคลนไว้ระดับหนึ่ง

แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ
จากสถานการณ์ความไม่สงบในอียิปต์ ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวสูงขึ้น ยกเว้นราคา WTI ปรับลดลง เนื่องจากสหรัฐได้นำเข้าน้ำมันดิบจากแคนาดาเพิ่มขึ้น ทำให้สต็อกอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ราคา WTI จึงปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามแม้ว่าสถานการณ์ความไม่สงบในอียิปต์จะยุติลงแล้ว แต่หากเหตุการณ์ดังกล่าวแพร่ไปยังภูมิภาคเดียวกัน เช่น จอร์แดน เยเมน และโอมาน ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบดูไบอาจมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเกิน 100 เหรียญต่อบาร์เรลได้ ประชาชนจึงต้องรู้จักประหยัด ลดการใช้น้ำมันลง และเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทน เช่น NGVและแก๊สโซฮอล์เป็นต้น

ผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง รอบ 4 เดือนของปีงบประมาณ 2554
อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงว่า กรมธุรกิจพลังงานทำการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วประเทศ (สถานีบริการ ร้านค้าน้ำมันเชื้อเพลิง และรถขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง) ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (เดือนตุลาคม 2553 – มกราคม 2554) รวมทั้งสิ้น 1,387 ราย 2,598 ตัวอย่าง พบการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำ 27 ราย 27 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 1.95 และ 1.04 ของจำนวนรายและจำนวนตัวอย่าง โดยส่วนใหญ่ยังเป็นปั๊มอิสระอยู่ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ซึ่งกรมธุรกิจพลังงานได้พิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายกับสถานีบริการที่ตรวจพบผิดแล้ว และได้ดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาการปลอมปนในเขตพื้นที่ดังกล่าว โดยส่งหน่วยตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงเคลื่อนที่ (Mobile Lab) ออกปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ปนม.ตร.) ตรวจสอบคลังน้ำมันของผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 10 และสถานีบริการที่เคยจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้คุณภาพ

นอกจากนี้ กรมธุรกิจพลังงานยังมีมาตรการขยายขีดความสามารถด้านการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง โดยให้สำนักวิชาการพลังงานภาค มีส่วนร่วมในการกำกับดูแลคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งกรมธุรกิจพลังงานได้ดำเนินการจัดหารถยนต์พร้อมเครื่องมือตรวจสอบคุณภาพ (Mobile Lab) เสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้จัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เกี่ยวกับวิธีการใช้เครื่องมือและการตรวจสอบคุณภาพเชื้อเพลิง โดยในระยะแรกจะเริ่มดำเนินการใน 3 ภาค คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ คาดว่าจะเริ่มปฏิบัติงานตรวจสอบคุณภาพ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2554 เป็นต้นไป

ธพ.เร่งกวดขันปั๊มก๊าซ LPG - NGV เติมก๊าซให้เฉพาะรถที่มีสติ๊กเกอร์ยืนยันการตรวจสอบจากกรมขนส่งทางบก
กรมธุรกิจพลังงานได้มีมาตรการควบคุมความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้รถติดตั้งก๊าซธรรมชาติ (NGV) และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก กวดขันผู้ประกอบการสถานีบริการก๊าซ NGV และ LPG ให้สังเกตตรวจสอบรถยนต์ที่เข้ามาใช้บริการว่ามีเครื่องหมายแสดงว่าเป็นรถใช้ก๊าซ NGV และ LPG เป็นเชื้อเพลิงก่อนทำการเติมก๊าซ หากไม่มีหรือมีรายละเอียดไม่ชัดเจนหรืออุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน หรือเกินวันทดสอบที่กรมการขนส่งทางบกระบุไว้จะต้องงดให้บริการรถยนต์คันนั้น

ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา มีรถยนต์ที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยมีสาเหตุมาจาก การติดตั้ง NGV และ LPG ที่ไม่ผ่านการตรวจและทดสอบจากผู้ที่กรมการขนส่งทางบกให้เห็นชอบ รวมทั้งไม่ได้แจ้งเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงต่อนายทะเบียน ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง

กรมธุรกิจพลังงานจึงร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบกเร่งกวดขันให้สถานีบริการก๊าซธรรมชาติและสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว บรรจุก๊าซให้เฉพาะรถที่ได้ผ่านการตรวจและทดสอบจากผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบก โดยสามารถสังเกตจากการติดสติ๊กเกอร์แสดงเครื่องหมายผ่านการตรวจสอบและทดสอบไว้ที่ด้านในซ้ายของกระจกกันลมหน้าให้เห็นอย่างชัดเจน

ขณะนี้กรมฯได้ส่งหนังสือไปยังผู้ประกอบการ และแจ้งไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศแล้ว และยังจัดให้เจ้าหน้าที่ของกรมธุรกิจพลังงานออกตรวจตราสถานีบริการก๊าซเป็นประจำ โดยจะเน้นให้พนักงานเติมก๊าซให้กับรถยนต์ที่มีสติ๊กเกอร์ผ่านการตรวจสอบและได้รับอนุญาตจากกรมขนส่งทางบกแล้วเท่านั้น คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากความผิดพลาดในเรื่องของอุปกรณ์การติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐานได้อย่างแน่นอน